ท่ามกลางการแข่งขันในโลกธุรกิจออนไลน์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ การสร้าง และรักษาฐานลูกค้าถือเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ แคมเปญการตลาดออนไลน์จึงมีบทบาทอย่างยิ่งในการดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาสู่เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การได้ผู้เข้าชมเว็บไซต์จำนวนมากนั้นยังไม่ใช่ตัวชี้วัดสำคัญที่สุด หากแต่ควรมุ่งสนใจที่ Conversion Rate หรืออัตราการแปลงค่า ที่บอกให้รู้ว่ามีกี่ส่วนแบ่งของผู้เข้าชมที่กลายเป็นลูกค้า หรือดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
แล้วถ้าหากมี Conversion Rate ที่ต่ำเกินไป อาจส่งผลให้แคมเปญการตลาดไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และก่อให้เกิดการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ ดังนั้น การคิดวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Conversion Rate และทบทวนกลยุทธ์เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาอัตราการแปลงค่าที่ต่ำได้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักการตลาดออนไลน์ทุกคน
Conversion Rate บอกอะไรกับแคมเปญการตลาด
Conversion Rate หรืออัตราการแปลงค่า เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับแคมเปญการตลาดออนไลน์ โดยบอกให้เราทราบว่ามีกี่ส่วนแบ่งของผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ได้ดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เช่น การสมัครสมาชิก การสั่งซื้อสินค้า หรือการติดต่อสอบถามข้อมูล เป็นต้น Conversion Rate จึงเป็นเครื่องมือวัดประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด หากมีค่าสูง แสดงว่าแคมเปญประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย แต่หากมีค่าต่ำ อาจต้องมีการปรับปรุงกลยุทธ์และเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อ Conversion Rate
อัตราการแปลงค่าของแคมเปญการตลาดนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเดียว แต่เป็นผลรวมของปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อประสบการณ์และการตัดสินใจของผู้บริโภค การทำความเข้าใจกับปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- คุณภาพของเว็บไซต์และการออกแบบ UI/UX ที่ไม่ดีพอ ทำให้ผู้ใช้งานเกิดความสับสนและไม่สะดวกในการใช้งาน
- เนื้อหาบนเว็บไซต์ไม่น่าสนใจ ไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ หรือมีคุณค่าไม่เพียงพอ
- ขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้ายาว และซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้บริโภคเบื่อและถอนตัวไปก่อนที่จะสั่งซื้อ
- ข้อมูลบนเว็บไซต์ขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากไม่มีการอัปเดตหรือแหล่งที่มาที่ไว้วางใจได้
- การนำเสนอสินค้า และบริการไม่ชัดเจน ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้
- ระดับราคาของสินค้า และบริการไม่เหมาะสมกับคุณภาพ หรือไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
อาจกล่าวได้ว่าการเพิ่ม Conversion Rate ไม่เพียงแต่อาศัยการดึงดูดผู้เข้าชมเข้าสู่เว็บไซต์ แต่ยังต้องสร้างประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ และเชื่อถือได้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ การนำเสนอเนื้อหา ตลอดจนกระบวนการสั่งซื้อ
6 วิธีแก้ไข Conversion Rate ต่ำให้กลับมาสูงขึ้น
หลังจากที่ได้วิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่ออัตราการแปลงค่าของแคมเปญแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการแก้ไขปัญหา Conversion Rate ต่ำ โดยมีวิธีการที่หลากหลายทั้งการปรับปรุงเว็บไซต์ การพัฒนาเนื้อหา การลดขั้นตอนซับซ้อน การเพิ่มองค์ประกอบความน่าเชื่อถือ และการปรับกลยุทธ์การนำเสนอ ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จสูงสุด
ปรับปรุงการออกแบบเว็บไซต์ให้มีความเรียบง่าย สวยงาม ใช้งานง่าย และเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์
การออกแบบเว็บไซต์ที่ดี ต้องคำนึงถึงทั้งความสวยงามและประสบการณ์การใช้งาน (UX) โดยควรมีรูปแบบที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ใช้สีสันและกราฟิกที่สวยงาม และดึงดูดความสนใจ พร้อมทั้งตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์สามารถเข้าถึง และสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นจากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน
พัฒนาเนื้อหาให้มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
แบรนด์สามารถเลือกจ้างนักเขียนมืออาชีพเพื่อสร้างบทความที่ดึงดูด และมีประโยชน์ เพราะเนื้อหาถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูด รวมถึงรักษาผู้เข้าชมบนเว็บไซต์ การมีเนื้อหาคุณภาพสูง และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดจะช่วยสร้างความน่าสนใจ การจ้างนักเขียนมืออาชีพจึงช่วยให้แบรนด์ได้บทความที่มีรูปแบบการนำเสนอที่น่าติดตาม ใช้ภาษากระชับ เข้าใจง่าย เพราะผ่านการศึกษา วิจัยอย่างละเอียด และนำเสนอข้อมูลในมุมมองที่น่าสนใจ
ลดขั้นตอนการสั่งซื้อให้เหลือเพียงแค่ขั้นตอนจำเป็น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็ว และไม่ยุ่งยาก
กระบวนการสั่งซื้อสินค้าที่ยืดยาว และซับซ้อนเกินไปนั้น อาจทำให้ผู้บริโภคไม่พึงพอใจจนหันไปสั่งซื้อจากที่อื่นแทน ดังนั้นควรลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น การสมัครสมาชิกก่อนสั่งซื้อ หรือการกรอกข้อมูลส่วนตัวที่มากเกินความจำเป็น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เพิ่มองค์ประกอบที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์
ความน่าเชื่อถือนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค การเพิ่มองค์ประกอบที่บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือ เช่น การรีวิวสินค้าจากผู้ใช้จริง การรับประกันสินค้า การแสดงใบรับรองมาตรฐานต่าง ๆ รวมถึงการนำเสนอประวัติความเป็นมาของธุรกิจ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า และจูงใจให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ปรับกลยุทธ์การนำเสนอสินค้า บริการ โดยเน้นจุดเด่น ประโยชน์ และคุณค่าที่ผู้บริโภคจะได้รับ
วิธีการนำเสนอสินค้า และบริการมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ แบรนด์ควรเน้นย้ำถึงจุดเด่น คุณประโยชน์ และคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ มากกว่าการนำเสนอแค่รายละเอียดสินค้าธรรมดา นอกจากนี้ ควรใช้ข้อความโน้มน้าวใจที่ดี ภาพประกอบที่ดึงดูด และข้อมูลเปรียบเทียบกับคู่แข่งเพื่อช่วยกระตุ้นการตัดสินใจ
ทบทวนนโยบายราคาให้เหมาะสมและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ หรืออาจมีโปรโมชันพิเศษเพื่อจูงใจผู้บริโภค
ราคาถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคจะพิจารณาเป็นอย่างแรก ดังนั้นแบรนด์จึงต้องทบทวนนโยบายการตั้งราคาให้เหมาะสมกับคุณภาพสินค้า สอดคล้องกับกำลังซื้อของลูกค้า และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นได้ หากราคายังสูงเกินไป ก็อาจพิจารณาจัดโปรโมชันพิเศษ เช่น ลดราคาชั่วคราว แจกสินค้าแถม หรือส่วนลดสำหรับสมาชิก เพื่อดึงดูดความสนใจ และจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างเครื่องมือในการเพิ่ม Conversion Rate
นอกจากการแก้ไขปัญหา Conversion Rate ต่ำด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ที่เรากำลังจะพูดถึงกันต่อไปนี้
Google Analytics
เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลการเข้าชมและพฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์ โดยให้สถิติและรายงานต่าง ๆ ที่จะช่วยให้เราเข้าใจถึงประสบการณ์และปัญหาที่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายพบเจอบนเว็บไซต์ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์และปรับปรุงให้สามารถแก้ไขจุดอ่อนและเพิ่ม Conversion Rate ได้
Exit-Intent Popups
Exit-Intent Popups เป็นหน้าต่างป๊อปอัพที่จะเรียกขึ้นมาแสดงตอนที่ตรวจจับว่าผู้ใช้งานกำลังจะออกจากเว็บไซต์ โดยสามารถนำเสนอข้อเสนอพิเศษ เช่น ส่วนลดหรือสินค้าแถม เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคเปลี่ยนใจ และยังคงดำเนินการสั่งซื้อต่อ เครื่องมือนี้จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่ม Conversion Rate ได้
เครื่องมือโฆษณาการตลาด เช่น Email Marketing, Social Ads, PPC
เครื่องมือโฆษณาการตลาดเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และนำเสนอเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงตามความต้องการ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการดึงดูดและจูงใจให้ผู้บริโภคเข้ามาสู่เว็บไซต์ และตัดสินใจซื้อมากขึ้น
สรุป
เมื่อรู้แล้วว่า Conversion Rate หรืออัตราการแปลงค่า เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดออนไลน์ หาก Conversion Rate ต่ำ แสดงว่ามีจุดที่ต้องปรับปรุงเพื่อดึงดูด และจูงใจผู้บริโภคให้ดำเนินการตามเป้าหมายมากขึ้น จากการใช้วิธีการที่ผสมผสานทั้งการปรับปรุงคุณภาพของเว็บไซต์ การพัฒนาเนื้อหา การปรับกลยุทธ์การนำเสนอ การสร้างความน่าเชื่อถือ และการทบทวนนโยบายด้านราคา รวมถึงการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มอัตราการแปลงค่า ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จของแคมเปญการตลาดออนไลน์ได้ในที่สุด