แนะนำ 3 เครื่องมือที่ใช้ค้นหา Keyword Research ที่ใช่ในการทำ SEO

รู้จักกับ Keyword Research ก่อนเริ่มทำ SEO
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

Search Engine กลายเป็นเครื่องมือที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพวกเรามากขึ้น ทั้งการเข้าถึงข้อมูล สินค้า และบริการต่าง ๆ ของผู้บริโภค แบรนด์ และธุรกิจต่าง ๆ จึงมีการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของแบรนด์นั้น ๆ ขึ้นมาอยู่อันดับแรกของ Search Engine ให้ได้นั่นเอง ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับ Keyword Research ขั้นตอนสำคัญ ที่จะทำให้การทำ SEO ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น

Keyword Research คืออะไร ?

Keyword Research เป็นหนึ่งในขั้นตอนแรก และขั้นตอนสำคัญในการทำ SEO โดยเป็นขั้นตอนในการเลือก “คำ” หรือ “วลี” ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และบริการของเรา ที่จะช่วยกำหนดว่า เนื้อหาในบทความ หรือคอนเทนต์นั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร ซึ่งเมื่อคำนี้มาอยู่ในการทำ SEO จะหมายถึง คำค้นที่คนมักจะพิมพ์ลงบนหน้าค้นหา เมื่อมีความอยากรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และต้องการหาคำตอบนั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการสร้างคอนเทนต์ SEO เกี่ยวกับ “ที่พักเชียงใหม่” บทความ หรือคอนเทนต์นี้ก็จะเกี่ยวกับที่พักเชียงใหม่ และแน่นอนว่า Keyword ที่คนจะใช้ค้นหาก็คือคำว่า “ที่พักเชียงใหม่” นั่นเอง ซึ่งการทำ Keyword Research จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งาน และสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของ Keyword Research

การทำ Keyword Research ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่มากนัก แต่การทำ Keyword Research นั้นสำคัญกับการทำ SEO เป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นช่องทางในการคัดกรองผู้เข้าชมเว็บไซต์ ที่สนใจในเนื้อหา และสินค้าของเราจริง ๆ

นอกจากนั้นยังเป็นเหมือนเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ของเราอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น Keyword Research ยังช่วยกำหนดเนื้อหาของเว็บไซต์ได้อย่างเหมาะสม ทั้งการใส่ Keyword สำคัญในเนื้อหา และหัวข้อของบทความ หรือหน้าเพจ สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของเราปรากฎในหน้าผลการค้นหาได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่ม Organic Traffic ที่เป็นการเข้าถึงเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน โดยที่ไม่ต้องใช้การโฆษณาเลยนั่นเอง

แนะนำเครื่องมือที่ใช้การทำ Keyword Research

แนะนำเครื่องมือการทำ Keyword Research

เนื่องจากในปัจจุบันการทำ Keyword Research เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างมาก ทำให้มีเครื่องมือมากมายที่ออกมารองรับการทำ Keyword Research ให้ง่าย และสะดวกมากขึ้น

  • Google Keywords Planner เป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่ตอบโจทย์คนทำ SEM โดยทำงานซัพพอร์ต Google Ads ซึ่งคนทำ SEO ก็นำมาปรับได้เพื่อดู Search Volume โดยตรงได้จาก Data Source ของ Google นับเป็นเครื่องมือทำ SEO รุ่นแรก ๆ ที่ SEO Specialist นิยมใช้กัน
  • SEMrush เป็นเครื่องมือลูกผสมระหว่าง Similarweb และ Ahrefs ที่มีทุกอย่างให้เลือกสรร ความโดดเด่นพิเศษคือมีฟีเจอร์หา Idea สำหรับสายคอนเทนต์ ตอบโจทย์ Content Writer ที่กำลังคิดเรื่องจะเขียนไม่ออกให้ทำงานง่ายขึ้น ทั้งยังสามารถดูข้อมูล Traffic ของเว็บไซต์เรา และคู่แข่งได้อีกด้วย
  • SimilarWeb เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของเว็บไซต์ที่ทำงานใกล้เคียงกับ Google Analytics เหมาะกับสาย Marketing เพราะอัดแน่นข้อมูลการตลาดโดยเฉพาะ อย่าง Visitor, Traffic Acquisition, Organic Visitor และอื่น ๆ อีกมากมาย แถมยังมี UI ที่เข้าใจ ใช้งานสะดวกไม่ยุ่ง ถึงแม้ว่าราคาจะแรงไปนิดแต่ก็ถือว่าเป็น Tool ที่น่าสนใจเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้นักการตลาดใช้ค้นหา Keyword ที่ใช่ วิเคราะห์คู่แข่ง แถมยังมีเครื่องมือที่ช่วยค้นหาไอเดียใหม่ ๆ สำหรับสายคอนเทนต์อีกด้วย

สำหรับใครที่อยากศึกษาวิธีการใช้งานของเครื่องมือ Google Keyword Planner ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัคร ไปจนถึงวิธีการนำไปใช้งานจริง สามารถศึกษาได้จากคลิปวิดีโอนี้เลย

ถือได้ว่าเป็นคลิปวิดีโอความยาว 16 นาทีที่ช่วยให้เราเข้าใจเครื่องมือ Google Keyword Planner นี้ได้อย่างละเอียดมากขึ้น

เทคนิคการทำ Keyword Research

เทคนิคการทำ Keyword Research

การทำ Keyword Research จะต้องมีการวางแผนให้ดี เพื่อให้เราได้เป้าหมาย และผลลัพธ์ที่เราต้องการ เพราะการทำ Keyword Reserach ถือว่าเป็นพื้นฐานแรกสุดของการทำ SEO ที่ช่วยจะทำให้เราเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาสินค้า บริการ และคอนเทนต์ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรานั่นเอง

กำหนดเป้าหมาย

การทำ Keyword Research จะต้องเริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายเสมอ ว่าธุรกิจของเราสามารถนำเสนอข้อมูลแบบไหนได้บ้าง หรือเราต้องการนำเสนอข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้า หรือบริการของเราหรือไม่นั่นเอง

การกำหนดเป้าหมาย จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการสร้างหัวข้อของเนื้อหา หรือบทความลงบนเว็บไซต์ได้ นอกจากนั้นยังทำให้เราได้มีไอเดีย เพื่อไปสามารถต่อยอดในการทำคอนเทนต์อื่น ๆ ได้ อีกทั้งยังทำให้เราสามารถแบ่งคำตามหมวดหมู่หลักของแบรนด์ และเป้าหมาย โดยแบ่งเป็นกลุ่มหัวข้อย่อย และสิ่งที่เราต้องการให้ติดอันดับบน Google

วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายว่ากำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไร ?

ในการทำ Keyword Research เราจะต้องมีการวิเคราะห์ว่าคนกลุ่มไหนที่จะมีโอกาสเข้ามาอ่านเนื้อหาจากบนเว็บไซต์ของธุรกิจ เพื่อที่เราจะสามารถดึงให้คนเหล่านี้กลายมาเป็นลูกค้าของเราได้ ด้วยการทำ Customer Persona หรือการสร้างคาแรกเตอร์ที่สามารถตอบได้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารออกไปเป็นคนแบบไหน

การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายจะทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น ว่าคอนเทนต์ที่จะสื่อสารออกไป ต้องใช้คำพูดประมาณไหนที่จะสามารถสื่อสารไปยังกลุ่มคนที่เราต้องการได้ นอกจากนั้นยังทำให้เราสามารถใช้ในการปรับแต่งการทำ Keyword Research ได้ เพื่อให้สามารถวางแผนการสร้างเนื้อหาไปยังคนกลุ่มนี้ได้ตรงโจทย์มากที่สุดนั่นเอง

วิเคราะห์เกี่ยวกับคู่แข่งของธุรกิจเรา

การทำ Keyword Research และวิเคราะห์เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่พอ เราต้องมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับคู่แข่งของธุรกิจเราด้วย เพื่อให้เราสามารถนำไปวางแผนต่อได้ว่าเว็บไซต์ธุรกิจควรจะไปในทิศทางไหน และมีอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง และจะยิ่งทำให้เราเข้าใจคอนเทนต์ในอุตสาหกรรมของเราได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งดีสำหรับการทำ SEO ของคุณแน่นอน

ใช้เครื่องมือช่วยค้นหา Keyword (Keyword Research Tool)

หลังจากที่ทำเราทำการกำหนดเป้าหมายของการทำ Keyword Research และการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายแล้ว เราสามารถเริ่มต้นการทำ Keyword Research ได้เลย โดยการใช้เครื่องมือค้นหา Keyword ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น SEMrush, Google Keywords Planner หรือ SimilarWeb

โดยเครื่องมือที่ใช้ จะต้องสามารถช่วยในการดึงคำค้น หรือ Keyword ที่เกี่ยวข้อง และต้องสามารถบอกได้ว่า Keyword ที่ได้กรอกลงไปนั้นมีจำนวนการค้นหาเท่าไหร่บ้าง ช่วงไหนคนหาเยอะ พร้อมคำอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกันให้ดึงไปใช้สร้างคอนเทนต์ต่อได้อีก

ติดตามผลการค้นหาของ Keyword

สิ่งที่สำคัญที่สุดหลังจากที่เราทำ Keyword Research เรียบร้อยแล้วก็คือ การติดตามผลการค้นหา Keyword อยู่ตลอดเวลา เพื่อดูว่า Keyword ที่เราเลือกใช้นั้นได้ผลหรือไม่ รวมถึงเพื่อให้สามารถปรับปรุงกลยุทธ์การทำ SEO ตามผลการวิเคราะห์ได้

แน่นอนว่าการติดตามผลการค้นหา และปรับปรุงกลยุทธ์ SEO เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะ Keyword หรือคอนเทนต์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงตามเทรนด์อยู่ตลอด เพื่อให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นในผลการค้นหาการติดตาม และปรับปรุงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

การทำ SEO ที่ดีไม่ใช่ว่าหยิบ Keyword ไหนมาทำก็ได้ เพราะ Keyword ที่หยิบมาใช้นั้นต้องตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายและต้องเป็นคำที่คนส่วนใหญ่ค้นหาอีกด้วย ท้ายที่สุดต้องไม่มองข้ามผลการค้นหา เพราะจะช่วยให้เราปรับปรุงกลยุทธ์ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างธุรกิจที่มีการทำ Keyword Research

การทำ Keyword Research ถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่แบรนด์ต่าง ๆ ที่ทำ SEO ให้ความสำคัญกันอยู่แล้ว แต่เพื่อทำให้การทำ Keyword Research นั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด คอนเทนต์ต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บไซต์ก็ต้องมีคุณภาพด้วยเช่นกัน เพื่อให้สามารถขึ้นมาอยู่บนอันดับแรกของ Search Engine ได้นั่นเอง

Netflix

Netflix แบรนด์บริการสตรีมมิ่งหนังออนไลน์ชื่อดัง ที่ทำการตลาดแยกตามวัฒนธรรมของแต่ละประเทศทำให้ได้ใจผู้บริโภค โดยให้ความสำคัญกับการตกแต่งเว็บไซต์ให้ติด SEO ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถมองเห็นเว็บไซต์ Netflix เป็นอย่างแรก และง่ายต่อผู้ใช้ทั่วโลกในการหาข้อมูล

นอกจากนั้น Netflix ยังนำชื่อของตอนเทนต์ในเว็บไซต์ มาใช้เป็น Keyword ในหน้าแรกของ Search Engine อีกด้วย เพื่อที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับรู้ได้ว่า ภาพยนตร์ หรือซีรีส์เรื่องไหน มีใน Netflix หรือไม่ ซึ่งถ้าหากมีเว็บไซต์ที่ขึ้นมาก็จะมีเส้นทางไปยังหน้าภาพยนตร์นั้นของ Netflix โดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มยอดการใช้งานให้เว็บไซต์ และทำให้ Conversion Rate เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

สรุป

การทำ Keyword Research จะทำให้เรามีข้อมูลเชิงลึกมากพอที่จะนำวางกลยุทธ์ทางเว็บไซต์ คอนเทนต์ และ SEO ได้อย่างแม่นยำ และที่สำคัญสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเพิ่มโอกาสให้ผู้คนจะเจอเว็บไซต์ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย