ในการทำเว็บไซต์ขึ้นมาสักหนึ่งเว็บ การปรับปรุงและพัฒนาให้เว็บไซต์ทันสมัยอยู่เสมอถือเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์มีคุณภาพสูงสุด หนึ่งในขั้นตอนสำคัญคือการเปลี่ยนชื่อลิงก์ URL ของหน้าเพจเพื่อเสริม SEO แต่การเปลี่ยนลิงก์เหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาที่ผู้ใช้งานคลิกเข้ามาผ่านลิงก์เดิมแล้วพบกับ Error 404 ลิงก์เสีย หรือลิงก์มีปัญหา ซึ่ง Google อาจมองว่าเว็บไซต์ของเราไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้คะแนน SEO ลดลงตามไปด้วย
เพื่อแก้ปัญหานี้ เทคนิค Redirect จึงเป็นคำตอบที่สำคัญ มาดูกันว่าเทคนิคนี้คืออะไร และจะช่วยปรับปรุง SEO ของคุณได้อย่างไร
ทำความรู้จัก Redirect
Redirect คือเทคนิคในการช่วยเปลี่ยนเส้นทาง URL จากลิงก์หนึ่งไปอีกลิงก์หนึ่ง โดยที่ Google ก็จะเข้าใจว่า ลิงก์ใหม่ที่เกิดขึ้นนั้นเคยมีตัวตนมาก่อนบน Google แม้ลิงก์ URL นั้นจะถูกเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม และยังคงรักษาอันดับ พร้อมทั้งคะแนน SEO ไว้ด้วย ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยแก้ปัญหาเมื่อผู้ใช้ค้นหาและเจอหน้าที่มีปัญหาหรือ Error 404 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของการทำ Redirect บนเว็บไซต์
เมื่อใดก็ตามที่หน้าเว็บไซต์ Error หรือมีหน้าเสียหาย ย่อมส่งผลให้ผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เกิดความไม่สบายใจ และไม่อยากใช้งานต่อ ซึ่งอาจทำให้เกิด Bounce Rate สูงขึ้นได้ ยิ่งถ้าใครมีหน้าที่ทำ Backlink เอาไว้ เวลาที่คนคลิกมาแล้วไม่เจอจะส่งผลเสียต่อคะแนน SEO ได้มากด้วยเช่นกัน ดังนั้น การทำ Redirect จึงมีความสำคัญมาก ดังนี้
- ช่วยรักษาอันดับ SEO : การทำ Redirect ช่วยให้ Google รู้ว่า เนื้อหาใน URL เก่า ถูกย้ายไปไว้ใน URL ใหม่ โดยค่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใน URL เก่าก็จะถูกส่งไปด้วย คะแนน SEO ที่เกิดในลิงก์เก่า ก็จะไม่หายไป
- ช่วยรักษาความเสถียรภาพของเว็บไซต์ : การ Redirect เว็บไซต์ จะช่วยจัดระเบียบและโครงสร้างของเว็บไซต์ให้ชัดเจนขึ้น และจัดการเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
- ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น : เมื่อมีคนพยายามจะเข้าถึง URL เก่า แทนที่เขาจะไปเจอหน้าที่เป็น URL ที่เสีย Redirect ช่วยส่งคนเหล่านั้นไปยัง URL ใหม่อัตโนมัติ โดยที่เขาไม่ต้องไปเริ่มค้นหาใหม่เอง ประหยัดเวลาแถมยังป้องการที่ผู้ใช้อาจจะหงุดหงิดและเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือออกไปด้วย
ลองนึกภาพตามถ้าเราเป็นผู้ใช้งาน และกำลังจะเข้าไป URL นั้นแล้วเจอว่าเว็บไซต์ Error เราคงหมดอารมณ์ที่จะเข้าเว็บไซต์นั้นเพื่อไปดูหน้าอื่น ๆ ต่อ ดังนั้น เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานได้รับความรู้สึกนี้ การทำ Redirect เป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่เพียงแค่ช่วยแก้ปัญหา แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อ SEO มาดูกันว่า Redirect ส่งผลอย่างไรต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ
Redirect ส่งผลต่อ SEO อย่างไร
การทำ Redirect มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการทำ SEO และส่งผลโดยตรงกับอันดับ SEO ด้วย ดังนี้
- คะแนนและอันดับ SEO ยังมีอยู่ เพราะการ Redirect จะทำให้ Google ตรวจพบว่า URL ใหม่นั้นเคยมีตัวตนมาก่อน คะแนน SEO ก็ยังอยู่คงเดิมได้ ไม่ได้หายไป
- ช่วยนำทางผู้ใช้ไปยัง URL ใหม่ได้อย่างถูกต้อง เพื่อลดอัตราการเกิด Bounce Rate ที่อาจส่งผลต่อคะแนน SEO
- แก้ไขการเกิดหน้า Error 404 หรือลิงก์ที่เสียหาย เพื่อให้ผู้ใช้งานเกิดประสบการณ์ที่ดีบนเว็บไซต์
- Traffic ที่เข้าเว็บไซต์จะยังเท่าเดิม เพราะ Redirect จะนำพาผู้ใช้งานมายังหน้า URL ใหม่ที่เราทำไว้ได้
- Backlink ที่เคยทำไว้ อาจไม่สามารถทำงานได้ เพราะไม่มีการ Redirect หน้า URL ที่ถูกต้อง
5 ประเภทของการทำ Redirect
การทำ Redirect มีด้วยกันหลายวิธี โดยจะแบ่งออกไปตามการใช้งาน ดังนี้
301 Redirect
301 Redirect คือ การเปลี่ยนเส้นทาง URL จาก URL หนึ่งไปอีก URL หนึ่งแบบถาวร โดยที่ทำให้ Google เข้าใจว่า URL ใหม่นั้นเคยมีตัวตนมาก่อน เช่น ถ้าผู้ใช้งานเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณด้วย URL เก่า เว็บไซต์ก็จะ Redirect ไป URL ใหม่ให้แบบอัตโนมัติ ซึ่งวิธีนี้ เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะเป็นวิธีที่ดีต่อการทำ SEO เว็บไซต์และรักษาอันดับต่อไปได้อยู่
แต่ก็มีข้อที่ควรระวัง ถ้าเกิดต้องการทำ 301 Redirect ว่า URL ใหม่ที่สร้างขึ้นมานั้น จะต้องมีคอนเทนต์ เนื้อหา และ Keyword ที่เหมือนหรือคล้ายกับ URL เดิมให้มากที่สุด เพราะถ้าเกิด Redirect ไป URL ใหม่ แต่เนื้อหาไม่เหมือนเดิมเลย Google ก็จะมองว่า URL ทั้ง 2 ที่ ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน คะแนน SEO ก็จะนับใหม่ทั้งหมดไปด้วย
302 Redirect
302 Redirect จะมีลักษณะคล้ายกับของ 301 Redirect แต่ต่างกันตรงที่ ของ 302 Redirect จะเป็นการย้าย URL แบบชั่วคราว และเราก็สามารถย้ายกลับไปใช้ URL เก่าได้อีกครั้ง
307 Redirect
307 Redirect เป็นการย้ายแบบชั่วคราวเหมือน 302 Redirect แต่จะย้ายเฉพาะ http เพียงเท่านั้น
308 Redirect
308 Redirect นำมาใช้แทน 301 Redirect ได้เลย
410 Redirect
401 Redirect เป็นการแจ้งให้ Google ทราบว่า ให้ลบหน้านี้ทิ้งและไม่นำมาจัด Index อีกต่อไป ไม่ต้องการให้แสดงบนหน้า Google อีกเลย
สัญญาณใดบ้างที่บ่งบอกได้ว่าควรทำ Redirect
เมื่อเราได้เข้าใจถึงประโยชน์และการใช้งานของ Redirect แล้ว ขั้นต่อไปมาดูสัญญาณที่บ่งบอกว่าเว็บไซต์ของคุณควรทำ Redirect ตอนไหนกัน
เมื่อมีหน้าเว็บไซต์ Error
หน้าเว็บ Error มักเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข URL ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ที่คลิกเข้ามาไม่พบข้อมูลหรือเจอหน้า Error 404 ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้งาน ทำให้ผู้ใช้อาจหันไปใช้เว็บไซต์อื่นแทน ดังนั้นการทำ Redirect จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยลดปัญหาการเกิดหน้า Error และรักษาผู้ใช้งานให้อยู่กับเว็บไซต์ของเรา
ทำ Index ไว้ผิดหน้า
ง่าย ๆ แค่สร้างหน้าใหม่ ที่มีเนื้อหาเดิม และทำ Redirect ไปยังหน้าที่สร้างใหม่แทน
ต้องการย้าย URL ไปยัง URL ใหม่
อาจเกิดจากการวางโครงสร้างเว็บไซต์ ทำให้มี URL ที่เปลี่ยนไปตามโครงสร้าง ถ้าเกิดเราทำ Redirect จะทำให้ไม่ส่งผลเสียต่อ SEO
เปลี่ยนหมวดหมู่ของเนื้อหาบนเว็บไซต์ หรือ Category
การเปลี่ยนหมวดหมู่ของเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือ Category มีโอกาสที่จะทำให้ URL เปลี่ยนไปได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น URL เก่า อาจจะไม่สามารถทำงานได้ Redirect จะช่วยให้ไปที่ URL ที่ถูกต้องได้
สุดท้าย อย่าลืมว่า เนื้อหาในหน้า URL ใหม่ จำเป็นต้องมีเนื้อหาเหมือนหรือคล้ายกับเว็บไซต์เดิม เพราะ Google จะมองเนื้อหาที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์เป็นหลัก ถ้าทำ Redirect ไปแล้วเนื้อหาบนเว็บไซต์ก็เปลี่ยน Google ก็จะมองเป็นลิงก์ใหม่อยู่ดี SEO จากลิงก์เก่าที่เคยทำไว้ก็จะหายไป ดังนั้น ถ้าเกิดทำ Redirect ไปแล้ว ควรระวังในจุดนี้กันด้วย
สรุป
อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า การทำ Redirect บนเว็บไซต์มีข้อดีหลากหลายประการ ตั้งแต่การรักษาคะแนน SEO เพิ่มประสิทธิภาพบนเว็บไซต์ จัดระเบียบ URL และยังช่วยป้องกันการเกิดหน้า Error ที่เกิดขึ้นบนเว็บอีกด้วย ส่งผลให้ผู้ใช้งานประทับใจ เข้าชมเว็บไซต์ของเรานานขึ้นอีกด้วย