แนะนำโปรแกรม สร้างเว็บไซต์ฟรี ที่ดีที่สุดประจำปี 2025

แนะนำโปรแกรม สร้างเว็บไซต์ฟรี
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

ในปี 2025 นี้ การสร้างเว็บไซต์ฟรีไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะมีทั้งโปรแกรม และแพลตฟอร์มที่ให้บริการสร้างเว็บไซต์อย่างมืออาชีพ โดยที่ผู้สร้างไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือทักษะในด้านการเขียนโค้ดเลย ต่อให้เป็นมือใหม่ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่สวยงาม และใช้งานได้จริง ในบทความนี้ Growfox จะมาแนะนำโปรแกรมสำหรับ สร้างเว็บไซต์ฟรี ที่ดีที่สุดประจำปี 2025 เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้น และผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ง่าย ๆ ด้วยเวลาอันรวดเร็ว

ก่อนสร้างเว็บไซต์ฟรี ต้องเตรียมอะไรบ้าง

ก่อนสร้างเว็บไซต์ ต้องเตรียมอะไรบ้าง

ก่อนที่จะเริ่มสร้างเว็บไซต์ฟรีนั้น เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของเราออกมามีประสิทธิภาพที่สุด สิ่งที่ควรเตรียมพร้อม มีดังนี้

กำหนดวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์

ก่อนอื่นเลย ต้องตัดสินใจให้ชัดเจนว่าเว็บไซต์ของคุณมีจุดประสงค์อะไร เช่น เว็บไซต์ส่วนตัว ธุรกิจออนไลน์ พอร์ตโฟลิโอ เป็นต้น เพราะถ้ารู้จุดประสงค์ของเว็บไซต์ จะช่วยให้สามารถเลือกเครื่องมือในการสร้างเว็บไซต์ และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ต้องมีบนเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น

เลือก Domain Name

โปรแกรมสำหรับสร้างเว็บไซต์ฟรี จะมีโดเมนย่อยให้ใช้งาน แต่ถ้าต้องการที่จะทำให้เว็บไซต์ของตัวเองดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น แนะนำว่า ให้ซื้อโดเมนใช้ส่วนตัว จะช่วยทำให้แบรนด์ดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

เลือกแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์

ในปัจจุบัน มีโปรแกรมสำหรับสร้างเว็บไซต์ฟรีให้บริการหลายตัว เช่น Wix, WordPress, Weebly เป็นต้น ควรเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับความต้องการของคุณ เวลาที่เริ่มทำไปจะได้ไม่ต้องการแก้ไขใหม่ในภายหลัง

วางแผนโครงสร้างเว็บไซต์

วางแผนหน้าเว็บ โครงสร้าง Sitemap ของเว็บไซต์ รวมถึงเนื้อหาที่จะนำเสนอในแต่ละหน้า เพื่อให้จัดระเบียบเนื้อหาได้ง่ายขึ้น และง่ายต่อคนที่จะมาดีไซน์และพัฒนาเว็บไซต์ให้ด้วย

เตรียมเนื้อหาที่จะอยู่บนเว็บไซต์

เตรียมเนื้อหาที่จะนำเสนอบนเว็บไซต์ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ เป็นต้น การมีเนื้อหาจะช่วยให้การสร้างเว็บไซต์ของคุณเสร็จเร็วขึ้น

ออกแบบดีไซน์เว็บไซต์

ส่วนใหญ่โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรี จะมีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือกใช้ แต่จะต้องเลือก และปรับเทมเพลตให้ตรงกับการใช้งาน ตรงกับคาแรกเตอร์ของธุรกิจของตัวเอง เช่น ใช้สีที่ตรงกับ CI เป็นต้น การเลือกดีไซน์ที่สวยงาม และใช้งานง่าย จะทำให้ User Experience ดีไปด้วย

เตรียมเชื่อมต่อกับ Social Media

หากต้องการโปรโมตเว็บไซต์ของคุณผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, หรือ Twitter ควรเตรียมการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มเหล่านั้นเข้ากับเว็บไซต์ของ เพื่อให้การแชร์และโปรโมตเว็บไซต์ไป Social Media เป็นเรื่องง่าย

วางแผน SEO

หากใช้โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรี ก็ยังสามารถทำ SEO เบื้องต้นได้ เช่น การตั้งชื่อ URL ที่เหมาะสม, ใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในเนื้อหา, ปรับแต่ง Meta Tags (เช่น Title และ Description) เป็นต้น การทำ SEO เบื้องต้นจะช่วยให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับในเครื่องมือค้นหาได้ดีขึ้น

เตรียมแผนสำหรับขยายเว็บไซต์ในอนาคต

เว็บไซต์ในอนาคตมีโอกาสที่จะเติบโตและแตกแขนงออกไปได้อีก อาจจะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามาบ้าง เช่น ระบบชำระเงินออนไลน์ การเชื่อมต่อกับ API การนำระบบ CRM เข้ามาใช้ เป็นต้น

12 โปรแกรม สร้างเว็บไซต์ฟรี ประจำปี 2025

12 โปรแกรม สร้างเว็บไซต์ฟรี ประจำปี 2025

การเตรียมตัวก่อนสร้างเว็บไซต์ฟรี จะช่วยให้การสร้างเว็บไซต์เป็นไปได้ง่าย มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก ซึ่งในปัจจุบัน มีโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรีให้เลือกใช้งานมากมาย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งาน ซึ่งโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรีที่อยากแนะนำ มีดังนี้

WordPress

WordPress เป็นหนึ่งในโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรี ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เพราะใช้งานง่าย และมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้งานได้ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ รองรับการสร้างเว็บไซต์ได้ทุกรูปแบบ และสร้างเว็บไซต์ Responsive ได้ด้วยเช่นกัน โดย WordPress จะมีด้วยกัน 2 เวอร์ชันหลัก ก็คือ

  • WordPress.com เป็นบริการโฮสต์โดย WordPress เอง ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งเอง แต่มีข้อจำกัดหากต้องการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม
  • WordPress.org ต้องดาวน์โหลด และติดตั้งบน Hosting ของตัวเอง มีความยืนหยุ่นสูง สามารถติดตั้งปลั๊กอิน และธีมได้อย่างเต็มที่

ข้อดีของ WordPress

  • ใช้งานง่าย แม้จะไม่มีพื้นฐานทางด้าน Coding
  • มีความยืดหยุ่น และปรับแต่งได้อย่างเต็มที่
  • SEO-Friendly
  • รองรับการสร้างเว็บไซต์หลายรูปแบบ
  • มีแหล่งเรียนรู้มากมาย

ข้อเสียของ WordPress

  • ต้องดูแล และอัปเดตเว็บไซต์เอง ถ้าใช้ WordPress.org
  • บางปลั๊กอิน และธีมต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • ต้องมี Hosting และ Domain
  • บางทีปลั๊กอินแต่ละชนิดไม่สามารถทำงานร่วมกันได้


WordPress เหมาะกับมือใหม่ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์แบบง่าย ๆ ปรับแต่งเว็บไซต์ได้แบบมืออาชีพ หากต้องการเริ่มทำสร้างเว็บไซต์ฟรี แนะนำใช้ WordPress เลย

MakeWebEasy

MakeWebEasy เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปของไทย ที่ได้รับความนิยมมากในหมู่ธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ใช้งานง่าย ไม่ต้องมีความรู้เรื่อง Coding มาก และมีฟีเจอร์ที่รองรับการทำธุรกิจออนไลน์ เช่น ระบบ E-commerce ระบบจอง เป็นต้น และที่เด่น ๆ เลยคือมีทีมซัพพอร์ตที่เป็นภาษาไทย สามารถช่วยแก้ไขได้ง่ายขึ้น

ข้อดีของ MakeWebEasy

  • ใช้งานง่าย ระบบการจัดการไม่ซับซ้อน เขียนโค้ดไม่เป็นก็ใช้งานได้
  • ออกแบบเว็บไซต์ได้สวยงาม และมืออาชีพ
  • มีระบบรองรับการขายของออนไลน์ ระบบ E-commerce ต่างๆ
  • มีทีมไทยคอยซัพพอร์ต
  • รองรับการทำโฆษณาออนไลน์ และการตลาดออนไลน์ เช่น Google Analytics, Google Ads, Facebook Ads เป็นต้น

ข้อเสียของ MakeWebEasy

  • บางฟีเจอร์มีข้อจำกัดในแพ็กเกจฟรี
  • ไม่ยืดหยุ่นเท่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ
  • ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง หากใช้แพ็กเพจพรีเมียม
  • มีข้อจำกัดในการพัฒนาเว็บไซต์ในอนาคต


ถ้ากำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย และเหมาะกับธุรกิจออนไลน์ MakeWebEasy อาจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุด

Wix

Wix เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยอินเทอร์เฟซแบบ Drag & Drop ที่ใช้งานง่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถออกแบบเว็บไซต์เองได้โดยไม่ต้องมีพื้นฐานด้านการเขียนโค้ด รองรับทั้งเว็บไซต์ธุรกิจ ร้านค้าออนไลน์ บล็อก และพอร์ตโฟลิโอ มีเทมเพลตให้เลือกมากกว่า 900 แบบ ครอบคลุมทุกธุรกิจ

ข้อดีของ Wix

  • ใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่
  • ออกแบบเว็บไซต์ได้อย่างอิสระ สามารถ Drag&Drop ได้ตามใจชอบ
  • เทมเพลตที่สวยงาม และมีให้เลือกมากมาย
  • มี AI ที่ช่วยออกแบบเว็บไซต์ให้ทันสมัย
  • รองรับการทำเว็บไซต์ SEO
  • รองรับการใช้งานหลายภาษา
  • มีแพ็กเกจฟรีให้ทดลองใช้

ข้อเสียของ Wix

  • เมื่อเลือกเทมเพลตแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้เทมเพลตอื่นได้ ต้องสร้างเว็บไซต์ใหม่อย่างเดียว
  • แพ็กเกจฟรีมีข้อจำกัด เช่น พื้นที่เก็บข้อมูลบนเว็บไซต์ เป็นต้น
  • การรองรับ SEO ยังเป็นรอง WordPress
  • ไม่เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการความซับซ้อนสูง


หากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์ที่ง่ายและรวดเร็ว Wix อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะใช้งานง่ายไม่ยาก แค่ลากวาง เว็บไซต์ก็เสร็จพร้อมใช้งานได้ทันที

GoDaddy

GoDaddy เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการจดทะเบียน Domain, Hosting และสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูป มีเครื่องมือสำหรับการสร้างเว็บไซต์ฟรี ให้สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง มีระบบ E-commerce ที่รองรับการขายของออนไลน์ พร้อมระบบตะกร้าสินค้าและชำระเงิน พร้อมทั้งมีระบบ AI ที่ช่วยออกแบบเว็บไซต์อัตโนมัติด้วย

ข้อดีของ GoDaddy

  • เป็นแพลตฟอร์มครบวงจร ตั้งแต่ จด Domain, Hosting, Email Marketing และเครื่องมือสำหรับการสร้างเว็บไซต์
  • ใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่
  • มี Customer Service แบบ 24/7 พร้อมให้บริการตลอดเวลา
  • รองรับการทำ E-commerce รับชำระเงินผ่าน PayPal, Stripe และบัตรเครดิต
  • มี SSL ฟรี (ตามแพ็กเกจ) และระบบสำรองข้อมูล

ข้อเสียของ GoDaddy

  • เครื่องมือสร้างเว็บไซต์มีความยืดหยุ่นน้อย ปรับแต่งได้น้อย
  • ราคาแต่ละแพ็กเกจค่อนข้างแพง และต้องจ่ายค่าบริการรายปี
  • ประสิทธิภาพ SEO ไม่เทียบเท่าการใช้ WordPress
    มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับฟีเจอร์พิเศษ
  • ไม่เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการความซับซ้อนสูง


ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายและรวดเร็ว มีบริการครบจบทั้ง Domain, Hosting และเว็บไซต์ แนะนำ GoDaddy ได้เลย

Weebly

Weebly โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรี ที่เน้นความเรียบง่าย และใช้งานสะดวก Weebly ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Square ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะธุรกิจเล็ก ๆ ที่ต้องการเริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์

ข้อดีของ Weebly

  • ใช้งานง่าย ไม่มีความรู้ทางเทคนิคก็เริ่มต้นได้
  • รองรับระบบ E-commerce และเชื่อมต่อกับ Square
  • รองรับการทำ SEO เบื้องต้น
  • รองรับ Responsive
  • มีแพ็กเกจฟรีให้ทดลองใช้งาน
  • รวม Hosting และ Domain ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว

ข้อเสียของ Weebly

  • มีเทมเพลตให้เลือกน้อย การปรับแต่งมีจำกัด
  • ประสิทธิภาพ SEO ยังไม่ดีเท่า WordPress
  • หากใช้แพ็กเกจฟรี จะมีโฆษณา
  • ระบบ E-commerce ยังไม่เทียบเท่า Shopify
  • ไม่เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชันเยอะ


ธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นทำเว็บไซต์แบบรวดเร็ว ไม่ต้องใช้เวลานาน สามารถ Drag & Drop ได้แบบง่าย ๆ Weebly อาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสม

Webflow

Webflow แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ฟรี ที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับนักออกแบบเว็บไซต์หรือธุรกิจที่ต้องการสร้างเว็บไซต์แบบมืออาชีพ และต้องการ Low Code สามารถสร้างโดยควบคุมโครงสร้าง HTML, CSS และ JavaScript ได้อย่างอิสระ สร้างเว็บไซต์ที่สามารถจัดการเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย และสามารถ Export โค้ดออกไปใช้งาน Hosting อื่นได้

ข้อดีของ Webflow

  • อิสระในการออกแบบและสร้างเว็บไซต์
  • รองรับ CMS และ Dynamic Content
  • รองรับ SEO
  • รองรับการใช้ Animation หรือ Effect ต่าง ๆ
  • Export โค้ดได้
  • Hosting มีความรวดเร็ว และปลอดภัย มี SSL ฟรี

ข้อเสียของ Webflow

  • ราคาแพงกว่าเจ้าอื่น ๆ
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์แบบ Drag & Drop ธรรมดา
  • ไม่รองรับปลั๊กอิน
  • ระบบ E-commerce ยังไม่เทียบเท่า Shopify


ธุรกิจที่ต้องการออกแบบเว็บไซต์ด้วยตัวเอง ไม่ใช้แค่เทมเพลตสำเร็จรูป อยากให้เว็บไซต์สวย มีลูกเล่นเยอะ ๆ Webflow เป็นโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรีที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณได้

Google site

Google Sites เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรีจาก Google ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างเว็บไซต์ได้แบบง่าย ๆ ไม่ต้องเขียนโค้ด เหมาะสำหรับการสร้างเว็บไซต์สำหรับงานนำเสนอ รายงานโครงการ เว็บไซต์ภายในองค์กร หรือเว็บไซต์ส่วนตัวที่ต้องการความรวดเร็ว เรียบง่าย จุดเด่นอีกอย่าง ของ Google Sites คือ สามารถเชื่อมต่อกับ Google Drive และ Google Workspace เพื่อนำเอกสารและไฟล์ต่าง ๆ มาแสดงผลบนเว็บไซต์ได้

ข้อดีของ Google Sites

  • ใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่
  • ใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • รองรับการทำงานร่วมกันแบบ Realtime
  • เชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ ของ Google
  • เว็บไซต์โหลดเร็ว มีความเสถียร
  • เหมาะสำหรับการสร้างเว็บไซต์ภายในองค์กร หรือการนำเสนอข้อมูล

ข้อเสียของ Google Sites

  • การออกแบบ และปรับแต่งมีข้อจำกัด
  • ไม่มีระบบ E-commerce
  • SEO และฟีเจอร์อื่น ๆ ทางการตลาดยังมีจำกัด
  • ไม่รองรับปลั๊กอินหรือแอปพลิเคชันอื่น ๆ นอกจาก Google


เรียกได้ว่า Google Sites นั้นเหมาะกับการสร้างเว็บไซต์ไว้ใช้ภายในองค์กรเพียงเท่านั้น ถ้าธุรกิจไหนที่ต้องการทำเว็บไซต์เพื่อใช้งานแบบ Globals Google Sites อาจจะไม่เหมาะสมกับการใช้งานสักเท่าไหร่

Freewebstore

Freewebstore เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างร้านค้าออนไลน์ ที่ให้บริการฟรี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจ E-commerce โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้น รองรับ Responsive Design มีระบบตะกร้าสินค้า ติดตามคำสั่งซื้อ รองรับการทำ SEO และการตลาดได้ด้วยเช่นกัน

ข้อดีของ Freewebstore

  • ใช้งานได้ฟรี 100%
  • ติดตั้งและใช้งานได้ง่าย
  • รองรับการชำระเงินออนไลน์ เช่น PayPal และ Stripe
  • รองรับ SEO เบื้องต้น
  • มีเทมเพลตให้เลือกใช้
  • รองรับการจัดการคำสั่งซื้อ

ข้อเสียของ Freewebstore

  • จำกัดฟีเจอร์เมื่อใช้งานในเวอร์ชันฟรี
  • ไม่มี Domain ฟรีที่สามารถกำหนดเองได้ จะเป็น Subdomain ของ Freewebstore ทั้งหมด
  • ไม่รองรับการติดตั้งปลั๊กอินเสริม
  • เทมเพลตมีจำกัด


ผู้ที่ต้องการเปิดร้านค้าออนไลน์ฟรี โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้น Freewebstore อาจจะเป็นอีกหนึ่งเลือกที่สามารถใช้งานได้ง่าย อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดด้านการออกแบบ ฟีเจอร์ และจำนวนสินค้าที่สามารถเพิ่มได้บนเว็บไซต์

SquareSpace

SquareSpace เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์แบบครบวงจรที่ได้รับความนิยมมาก จะเน้นดีไซน์ที่สวยงาม ใช้งานง่าย รองรับ E-commerce มีเครื่องมือช่วยทำ SEO และวิเคราะห์ข้อมูลการเข้าชม แสดงผลได้ดีในทุกอุปกรณ์ เหมาะกับธุรกิจบริการ รวมถึงจองคิวออนไลน์ด้วย

ข้อดีของ SquareSpace

  • ใช้งานง่าย เพียงแค่ Drap & Drop
  • เทมเพลตสวยงาม และปรับแต่งได้เยอะ
  • มีระบบ E-commerce และ Blog ในตัว
  • รองรับการทำ SEO
  • รองรับการจองคิวออนไลน์
  • ปลอดภัยสูง มาพร้อมกับ SSL ฟรี

ข้อเสียของ SquareSpace

  • มีค่าใช้จ่ายรายเดือน เริ่มต้นที่ $16 ต่อเดือน
  • มีข้อจำกัดด้านปลั๊กอิน และการปรับแต่ง
  • ไม่เหมาะกับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่ต้องการฟีเจอร์เฉพาะทาง
  • รองรับการชำระเงินแบบจำกัด


แม้ SquareSpace จะสามารถสร้างเว็บไซต์ออกมาได้สวยงาม และใช้งานง่าย แต่ก็มีข้อจำกัดรายเดือน รวมถึงการปรับแต่ง ถ้าธุรกิจไหนพอมีงบประมาณ SquareSpace ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี

SITE123

SITE123 แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว สามารถ Drag & Drop ได้อย่างง่ายได้ รองรับการใช้งานภาษาไทย มีระบบ E-commerce และมีฟีเจอร์ช่วยปรับแต่ง SEO

ข้อดีของ SITE123

  • สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ฟรี และมีตัวเลือกการอัปเกรดสำหรับฟีเจอร์เพิ่มเติม
  • รองรับภาษาไทย และภาษาอื่น ๆ
  • ระบบ E-commerce ชำระเงินผ่าน PayPal และบัตรเครดิต
  • ระบบบล็อก และ SEO แก้ไข Meta Titla, Meta Description และ URL ได้
  • รองรับระบบจองคิวออนไลน์

ข้อเสียของ SITE123

  • Domain ที่เปิดให้ใช้ฟรีจะเป็น subdomain ของ SITE123
  • ไม่สามารถแก้ไขโค้ด HTML, CSS หรือ JavaScript ได้
  • จำนวนฟีเจอร์น้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ
  • ติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติมไม่ได้


SITE123 เป็นแพลตฟอร์มที่ ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ เนื่องจากมีฟีเจอร์พื้นฐานครบครัน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้านการออกแบบ และฟีเจอร์ทำให้ไม่เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการความซับซ้อนหรือการปรับแต่งสูง

Strikingly

Strikingly เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่เน้นความง่าย และรวดเร็ว เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ หรือบุคคลทั่วไป ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์แบบหน้าเดียว (One-Page Website) หรือพอร์ตโฟลิโอ จุดเด่นคือไม่ต้องมีความรู้ด้านโค้ด ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพได้ภายในไม่กี่นาที

ข้อดีของ Strikingly

  • สร้างเว็บไซต์ได้ภายในไม่กี่นาที
  • รองรับการสร้างเว็บไซต์แบบ One-Page Website, Landing Page
  • มีระบบ E-commerce
  • เทมเพลตที่ให้ใช้มีความสวยงาม ดูเป็นมืออาชีพ
  • รองรับการทำ SEO เบื้องต้น
  • มีระบบจองคิว และฟอร์มติดต่อ

ข้อเสียของ Strikingly

  • เวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัด เช่น จำนวนหน้าที่สร้างได้ เป็นต้น
  • ไม่เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีความซับซ้อน
  • ไม่สามารถแก้ไขโค้ด HTML หรือ CSS ได้มากเท่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ


ถ้าอยากเน้นความง่าย ทำเว็บไซต์แค่หน้าเดียว และต้องการความรวดเร็วในการสร้าง Strikingly เป็นโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรีที่ตอบโจทย์มาก ๆ

Blogger.com

Blogger.com เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างบล็อกฟรีที่ให้บริการโดย Google เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเขียนบล็อกโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จุดเด่นของ Blogger คือ ใช้งานง่าย เชื่อมต่อกับ Google ได้สะดวก รองรับการสร้างรายได้จากโฆษณา

ข้อดีของ Blogger.com

  • ใช้งานได้ฟรี 100%
  • เหมาะสำหรับมือใหม่
  • เชื่อมต่อกับ Google ได้อย่างง่ายดาย
  • สร้างรายได้ด้วยการใช้ Google AdSense
  • มีระบบความปลอดภัยสูง
  • รองรับการทำ SEO เบื้องต้น

ข้อเสียของ Blogger.com

  • รูปแบบการดีไซน์ และการปรับแต่งค่อนข้างจำกัด
  • ไม่มีปลั๊กอินเสริม
  • เหมาะกับบล็อกมากกว่าเว็บไซต์ธุรกิจ
  • การออกแบบ UI ค่อนข้างล้าสมัย


Blogger.com ใช้งานง่าย เชื่อมต่อกับ Google ได้สะดวก และรองรับการสร้างรายได้จากโฆษณา หากต้องการเขียนบล็อกฟรีและต้องการแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย Blogger.com เป็นตัวเลือกที่ดีในการใช้งาน

5 วิธีสร้างเว็บไซต์ฟรีด้วยตัวเอง

5 วิธีสร้างเว็บไซต์ฟรีด้วยตัวเอง

การสร้างเว็บไซต์ฟรี สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เนื่องจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ สำหรับสร้างเว็บไซต์ฟรี ออกแบบมาเพื่อให้สร้างได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีความรู้ในเรื่องของการเขียนโค้ด ซึ่งวิธีในการสร้างเว็บไซต์ฟรีด้วยตัวเอง ทำได้ดังนี้

เลือกแพลตฟอร์มสำหรับสร้างเว็บไซต์

มีแพลตฟอร์มสำหรับสร้างเว็บไซต์ฟรีให้บริการมากมายในปัจจุบัน เช่น Wix, WordPress, Google Sites เป็นต้น ถ้าต้องการเว็บไซต์ที่มีความยืดหยุ่น สามารถพัฒนาต่อได้ในอนาคต ขอแนะนำเป็น WordPress หรือ Wix จะปรับแต่งเพิ่ม ทั้งยังต่อยอดได้ดีกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ

สมัครใช้งานและเลือก Domain Name

หลังจากเลือกแพลตฟอร์มที่จะใช้สร้างแล้ว ต้องสมัครบัญชี และเลือกใช้ Domain Name โดยจะใช้ Domain Name แบบฟรี ที่แต่ละแพลตฟอร์มมีให้บริการ (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น Sub Domain) หรือจะซื้อ Domain Name ด้วยตัวเอง ซึ่งจะสามารถกำหนดให้เป็นชื่อของธุรกิจตัวเองได้เลย

เลือกเทมเพลต และออกแบบเว็บไซต์

แพลตฟอร์มสำหรับสร้างเว็บไซต์ฟรีส่วนใหญ่จะมีเทมเพลตสำเร็จรูปมาให้เลือกใช้ สามารถเลือกดีไซน์ที่ตรงกับสไตล์และปรับแต่งเนื้อหาเพิ่มเติมได้ง่ายด้าย เช่น สี, ฟ้อนต์, รูปโลโก้ เป็นต้น

เพิ่มเนื้อหาบนเว็บไซต์

เนื้อหาที่อยู่บนเว็บไซต์จะช่วยบอกเล่าเรื่องราวบนเว็บไซต์และสามารถทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ได้ อย่าลืมเตรียมเนื้อหาล่วงหน้า และเพิ่มเนื้อหาลงไปบนเว็บไซต์

ตรวจสอบ และเผยแพร่เว็บไซต์

หลังจากปรับแต่งเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจสอบให้ดีอีกรอบก่อนว่า เว็บไซต์ของคุณโหลดเร็วไหม รองรับการใช้งานบนมือถือหรือเปล่า ลิงก์ และปุ่มบนเว็บไซต์ใช้งานได้ไหม เมื่อตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้วให้กดเผยแพร่ และแชร์ให้ทุกคนเข้ามายังเว็บไซต์ได้เลย

สรุป

การสร้างเว็บไซต์ฟรีในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายด้วยเครื่องมือออนไลน์ต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด แพลตฟอร์มยอดนิยมเช่น Wix, WordPress, Google Sites, และ Weebly ช่วยให้สร้างเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถเลือกเทมเพลตที่มีอยู่แล้ว และปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่สามารถใช้เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์ เช่น การเพิ่มปุ่มแชร์โซเชียลมีเดีย หรือการทำ SEO เพื่อช่วยให้เว็บไซต์เข้าถึงผู้ใช้ได้มากขึ้น

การสร้างเว็บไซต์ฟรีเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ส่วนตัว บล็อก หรือเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็ก หากต้องการใช้โดเมนของตัวเองหรือมีฟังก์ชันพิเศษมากขึ้น อาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในอนาคต แต่ก็ยังคงสามารถเริ่มต้นได้ฟรี ขยายได้ตามความต้องการในอนาคต ความยืดหยุ่นที่เหลืออยู่ในแต่ละแพลตฟอร์มทำให้สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ดูดี และทำงานได้อย่างมืออาชีพในเวลาอันรวดเร็ว