รวม 3 เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบ Backlink เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO

รวม 3 เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบ Backlink เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

ถ้าให้พูดถึงเทคนิคในการทำ SEO อีกหนึ่งเทคนิคที่มีความสำคัญต่อการจัดอันดับบน Google และ เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการ SEO ก็คือ Backlink วันนี้ เรามาลองดูกันดีกว่า ว่าจะเริ่มต้นทำ Backlink ได้อย่างไรบ้าง ?

Backlink คืออะไร

Backlink คือการที่เว็บไซต์ของเรา หรือลิงก์เว็บไซต์ของเรา มีการลิงก์จากเว็บไซต์อื่นเข้ามา อารมณ์คล้าย ๆ กับการให้เครดิต หรือการอ้างอิงถึงเว็บไซต์ ซึ่งตัว Backlink เอง เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดจาก Google ว่าเว็บของเรานั้น มีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าเกิดเว็บไซต์ของเรา มีการลิงก์เยอะมากเท่าไหร่ Google ก็จะมองว่า เว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือมากเท่านั้น และจะเพิ่มโอกาสในการทำ SEO ให้อันดับเพิ่มขึ้นได้เร็วอีกด้วย

รู้จักกับ 4 ประเภทของ Backlink

ซึ่ง Backlink นั้นก็มีการแบ่งประเภทออกไปตามการทำงานของมัน โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

Dofollow Backlink

Dofollow Backlink คือลิงก์ที่เว็บไซต์อื่นๆ ทำ Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของเรา โดยลิงก์ที่ส่งมานั้น จะต้องไม่มี Nofollow หรือ Sponsored และการส่งลิงก์นี้ ก็เป็นการส่งคะแนน SEO มายังเว็บไซต์ของเราด้วย ยิ่งถ้าเว็บไซต์ของเรา ได้ Backlink แบบนี้มากเท่าไหร่ จะยิ่งส่งผลให้ติดอันดับแรกบนหน้าการค้นหาของ Google ได้

Nofollow Backlink

Nofollow Backlink คือลิงก์ที่เว็บไซต์อื่น ๆ ทำ Backlink กลับมาเว็บไซต์ของเรา แต่จะไม่ได้ส่งคะแนน SEO กลับมาให้ด้วย และ Google ก็จะไม่ตามตรวจจับลิงก์ตัวนี้มายังเว็บไซต์ ถึงแม้จะไม่ได้มีข้อดีในเรื่องของคะแนน SEO แต่ยังช่วยเพิ่ม Traffic จากการที่มีคนคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณได้ เรียกได้ว่า เป็นข้อดีแบบที่ไม่ค่อยมีใครเห็น

Sponsored Backlink

Sponsored Backlink คือประเภทของ Backlink ที่เข้ามาช่วยให้การจัดการประเภทของลิงก์นั้นง่ายขึ้น โดยอาจจะเป็นการจ่ายเงินเพื่อให้ได้ลิงก์นี้มา ส่วนใหญ่ลิงก์ที่เป็น Affiliate จะเป็นรูปแบบของ Sponsored Backlink

UGC Backlink

UGC หรือ User Generated Content เป็น Backlink ที่ User สร้างขึ้นเองเมื่อสร้างคอนเทนต์บนเว็บไซต์

ซึ่ง Backlink ในรูปแบบ Sponsored Backlink และ UGC Backlink จะยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก ส่วนใหญ่คนที่ทำ SEO มักจะโฟกัสอยู่แค่ 2 แบบ คือ Dofollow และ Nofollow

Dofollow Backlink vs Nofollow Backlink

- 1 - รวม 3 เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบ Backlink เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO

อย่างที่พอรู้กันว่า ไม่ใช่ว่าลิงก์ทุกลิงก์จะสามารถช่วยส่งเสริมคะแนน SEO ให้เรา ตามที่บอกไปตอนต้น ว่า Dofollow Backlink จะเป็นลิงก์ที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะเว็บๆ นั้นได้ทำการ Backlink กลับมาที่เว็บเรา โดยที่ส่งคะแนน SEO กลับมาให้เราด้วย แต่ Nofollow จะเป็น Backlink มายังเว็บของเรา แต่ไม่ได้มีคะแนน SEO กลับมา

และ Nofollow ก็มีประโยชน์ในด้านของการเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ได้เช่นกัน เพราะถ้าเกิดมีคนทำ Backlink แบบ Nofollow ให้คลิกกลับมายังเว็บไซต์ของเรา ก็เท่ากับเพิ่ม Traffic แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น Backlink แบบไหน ก็มีประโยชน์ทั้งนั้น

Backlink ที่ดีเป็นอย่างไร ?

ก่อนอื่น Backlink ที่ถูกส่งกลับมายังเว็บไซต์ ก็ควรที่จะเป็น Backlink ที่ดี และมีคุณภาพเช่นกัน เพื่อให้เว็บไซต์ของเรา ได้ผลลัพธ์ที่ดีตามไปด้วย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า Backlink ที่ดีเป็นอย่างไร มาลองดูกัน

เป็น Backlink ที่มาจากคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ

Backlink ที่ดี ก็ต้องมาจากคอนเทนต์ที่คุณภาพดี เนื้อหามีประโยชน์ และเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือด้วย ถึงจะเรียกว่าคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ เว็บไซต์นั้น ๆ ก็ต้องเป็นเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างที่ดี มีคุณภาพด้วยเช่นกัน

สังเกตค่าต่าง ๆ ที่ได้จากเว็บไซต์

การวัดคุณภาพเว็บไซต์ สามารถใช้เครื่องมือหรือการดูค่าวัดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้ โดยจะมีค่าวัดดังนี้

  • ค่า Domain Rating (DR) หรือ URL Rating (UR) : ถ้ามีเกณฑ์สูง จะหมายถึงว่า เว็บไซต์นั้นมีความน่าเชื่อถือสูง
  • ค่า Page Authority (PA) : ถ้ามีเกณฑ์สูง จะหมายถึงว่า เว็บไซต์นั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก

เช็ก Anchor text

เช็ก Anchor text ที่เข้ามายังเว็บไซต์ ที่เราทำ Backlink ว่ามีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่ ถ้าเกิดเป็นสิ่งแปลกปลอม หรือเว็บไซต์ที่ทำ SEO สายเทา ควรหลีกเลี่ยงเลยทันที

Backlink ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา

จะยิ่งเป็นเรื่องดี ถ้าเกิด Backlink ที่ส่งมายังเว็บไซต์ของเรา เป็น Backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่เป็นเรื่องเดียวกันหรือหมวดเดียวกันกับเว็บไซต์ เช่น ถ้าเกิดเว็บไซต์ของเรา เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอาหารแมว Backlink ที่ดี ก็ควรมาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับอาหารแมวด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า Backlink ไม่ใช่ว่าทุกลิงก์จะเป็นลิงก์ที่ดีและส่งคะแนนกลับมาได้ ฉะนั้นเราต้องกลับไปสังเกตดูว่า เว็บไซต์ของเรามีโครงสร้างที่ดี มีคอนเทนต์ที่ดีหรือยัง ที่สำคัญหมั่นเช็ก Anchor text ที่ส่งกลับมาด้วย

รวม 3 เครื่องมือเช็ก Backlink

รวม 3 เครื่องมือเช็ก Backlink​

ถ้าเกิดว่าเราอยากเช็ก Backlink มีเครื่องมือใดหรือวิธีใดบ้าง ในการเช็ก Backlink จริง ๆ มีวิธีเบสิกสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำ Backlink ที่ทำตามได้ง่าย สามารถทำได้ดังนี้

Google Search Console

Google Search Console

เครื่องมือ Google search Console เป็นเครื่องมือที่ Google ให้เราสามารถใช้ได้ฟรี สามารถเข้าดู Backlink ได้จากการคลิกที่ Link และเลือก External Link และดู Report ของแต่ละลิงก์ได้เลย

Backlinks Checker

Backlinks Checker​

Backlinks Checker เป็นเครื่องมือฟรีจาก Neil Patel ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถเช็กข้อมูลลิงก์จากเว็บไหนก็ได้ สามารถเข้าใช้งานได้ที่ Backlinks Checker 

Ahrefs Backlink Checker

Ahrefs Backlink Checker

อีกหนึ่งเครื่องมือฟรีที่สามารถใช้งานได้เช่นกันจาก Ahrefs โดยสามารถเข้าไปได้ที่ Ahrefs จากนั้นวาง URL ที่ต้องการเช็ก เลือกโหมดเป็น Exact URL และสามารถเช็กได้เลย

อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า มีเครื่องมือฟรีมากมายที่ช่วยเช็กคุณภาพของ Backlink ซึ่งการที่เราหมั่นเช็ก Backlink อยู่สม่ำเสมอ จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับหน้าแรกของ Google มากขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว Backlink ยังสำคัญต่อการทำ SEO หรือไม่

ในปี 2024 Backlink จะยังคงเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการทำ SEO และเป็นอีกหนึ่งเกณฑ์ที่ Google ตรวจจับเพื่อให้คะแนนแก่เว็บไซต์ว่ามีความน่าเชื่อถือหรือมีคุณภาพเพียงใด เพราะ Google จะยังคงเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

แต่ต่อให้คุณมี Backlink มากเท่าไหร่ แต่ Backlink เหล่านั้นมาจากเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภาพ ก็จะไม่ส่งผลต่อคะแนนเท่ากับ Backlink ลิงก์เดียวจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพมากจริง ๆ แถมยังช่วยส่งเสริมชื่อเสียงให้กับเว็บไซต์ และทำให้คุณสามารถติดหน้าแรกของ Google ได้อย่างแน่นอน