ยกระดับ ROI ด้วย Data Driven Marketing

ยกระดับ ROI ด้วย Data Driven Marketing
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

ในโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป รูปแบบของการทำการตลาดก็เปลี่ยนไปเช่นกัน การตลาดในรูปแบบเก่าที่อาศัยสมมุติฐานหรือตัดสินใจจากความรู้สึกของตัวเอง อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว นักการตลาดทั้งหลายต่างมองหาวิธีที่จะทำให้ได้มาซึ่ง Data ที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถนำมาต่อยอดการตลาดได้ ซึ่งการทำ Data Driven Marketing เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เป็นส่วนสำคัญและช่วยบรรลุเป้าหมายของนักการตลาดได้

Data Driven Marketing คืออะไร ?

Data Driven Marketing เป็นรูปแบบการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย Data โดย Data นั้นมาจากหลาย ๆ แหล่งที่มา และหลาย ๆ ชุด Data ที่เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย นักการตลาดสามารถวิเคราะห์เพื่อเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ความชอบ ความสนใจ ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับแบรนด์มากกว่าที่เคยเป็นได้

การทำ Data Driven Marketing เป็นแนวทางใหม่ในการทำการตลาดออนไลน์ที่ใช้ Data เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่ม ปรับเปลี่ยนรูปแบบกลุ่มเป้าหมายได้ตามแนวทางของข้อมูลที่มี เจาะลึกถึง Insight ที่ทำให้นักการตลาดเข้าใจพฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้ด้วย Data ที่แท้จริง

สามารถเข้าไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้ช่วงเวลาที่เหมาะสม สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ให้ได้มากที่สุดและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคยเป็น เปลี่ยนการทำการตลาดแบบรวม ๆ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นรายคนได้เลย การตลาดแบบเก่า ๆ อาจไม่ได้ตอบโจทย์สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ และไม่ทำให้แบรนด์บรรลุเป้าหมายได้อีกต่อไป ดังนั้นการทำการตลาดออนไลน์แบบใหม่ ๆ จึงเลือกใช้กลยุทธ์ Data Driven Marketing มากขึ้น แม้ Data จะมาจากหลายช่องทาง หลายที่มา แต่เราสามารถแยกประเภทของ Data ได้ออกไปอีก

ประเภทของ Data มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ?

Data แบ่งออกด้วยกัน 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างและประโยชน์ในการใช้งานก็แตกต่างกันไป มาดูกันดีกว่า ว่าแต่ละประเภทนั้นมีอะไรบ้าง!?

First Party Data

First Party Data เป็นประเภทของ Data ที่แบรนด์ได้มาง่ายที่สุด เพราะแบรนด์เป็นคนรวบรวมข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานหรือข้อมูลส่วนบุคคล อย่างเช่น ชื่อ, นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทร เป็นต้น และยังรวมถึงพฤติกรรมที่เกิดบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณเอง ที่ทำให้คุณได้ข้อมูลว่าผู้ใช้งานสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ

อย่างที่บอกว่าข้อมูลประเภทนี้เป็นข้อมูลที่แบรนด์ได้มาง่าย ยิ่งถ้าเกิดคุณมีการใช้งานระบบ CRM ที่ช่วยเจาะลึกความต้องการของลูกค้ามากขึ้นหรือเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้ามากกว่าข้อมูลพื้นฐานทั่วไป หรือแบบสอบถามที่ทางของแบรนด์ที่จัดทำขึ้นมาเอง นั่นก็ทำให้สามารถได้ First Party Data ได้มากอย่างง่ายดาย ดังนั้น ข้อมูลจาก First Party Data นั้นเป็นประโยชน์ที่สุดและสำคัญที่สุดสำหรับแบรนด์อีกด้วย

ซึ่งประโยชน์ของ First Party Data นั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการทำการตลาดและโฆษณา คาดการณ์การซื้อของลูกค้าในอนาคต เพราะเรามีข้อมูลความสนใจของลูกค้าอยู่ในมืออยู่แล้ว ดังนั้น เราจะรู้จักลูกค้าดีที่สุด รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร สินค้าที่ลูกค้าสนใจนั้นคือสินค้าชนิดไหน อีกทั้งยังหาลูกค้าใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์ จากลูกค้าที่พฤติกรรมการซื้อ พฤติกรรมการใช้งาน หรือ ความสนใจคล้าย ๆ กับกลุ่มเป้าหมายได้ เหมือนการทำ Lookalike บนเครื่องมือของ Facebook นั่นเอง

Second Party Data

Second Party Data เป็นกลุ่ม Data ที่ไม่ได้เป็น First Party Data ของแบรนด์เอง แต่เป็น First Party Data ของกลุ่มแบรนด์อื่น แหล่งที่มาของข้อมูลไม่ได้มาจากตัวแบรนด์เองโดยตรง แต่อาจเกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกัน ในรูปแบบของการเป็นพาทเนอร์หรือซื้อขาย Data กันโดยตรง ซึ่งกลุ่มแบรนด์อื่นที่นำข้อมูลมา จะเป็นแบรนด์ที่มีความคล้ายคลึงกัน มีความสนใจคล้าย ๆ กัน Data ที่ได้มาจะไม่หลุด ไม่เพี้ยนไปจาก Data ที่คุณมีมากนัก แต่ก็ทำให้เข้าไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์ที่มีความคล้ายคลึงกันได้

Data รูปแบบนี้ช่วยให้คุณได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ สามารถศึกษาและทำความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของแบรนด์คุณ เพื่อขยายตลาดและขยายฐานลูกค้าต่อไปได้ในอนาคต

Third Party Data

Third Party Data กลุ่ม Data ที่คุณสามารถซื้อได้ผ่านตัวกลาง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ที่มีการเก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ไว้ หรือการใช้ Cookie บนเว็บไซต์ เพื่อเก็บ Data ของผู้ใช้งานเว็บไซต์, แอปพลิเคชัน แม้ Data ที่ได้จะเยอะมาก แต่ก็กว้างมากเช่นกัน เพราะเป็นข้อมูลที่มาจากทั่วสารทิศ มากองไว้ที่เดียวกัน ไม่ใช่ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงมาที่แบรนด์ของคุณโดยเฉพาะ

ถึงข้อมูลจะมีจำนวนมากและกว้างมาก แต่ก็มีประโยชน์มาก ๆ ด้วย เพราะข้อมูลขนาดใหญ่ จะทำให้คุณได้ Frist Party Data เพิ่มขึ้น ได้เรียนรู้กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่คุณไม่เคยนึกถึงมาก่อน สามารถออกแบบและวางแผนการตลาดรูปแบบใหม่ ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทั้งเก่าและใหม่ได้หลากหลายกว่าที่เคย สามารถปรับปรุง พัฒนาสินค้าและบริการที่มีให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อย่าลืมว่า Third Party Data เป็นข้อมูลที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้ ดังนั้น ถ้าคุณเข้าถึงได้ คู่แข่งของคุณก็เข้าถึงได้เช่นก

จะเห็นได้ว่า Data แต่ละประเภทนั้นมีที่มาที่แตกต่างกัน และแต่ละประเภทนั้นก็มีการใช้งานและประโยชน์ที่แตกต่างกันด้วย ก่อนจะนำ Data ไปใช้ ก็ต้องดูก่อนว่า Data ไหนที่ตอบโจทย์และเหมาะกับการทำงานของคุณมากที่สุด เมื่อเรามี Data แล้ว ประโยชน์ที่ได้จากการนำ Data มาใช้ในการทำการตลาดนั้นมีอะไรบ้าง? มาดูกัน

Data Driven Marketing

ประโยชน์ที่ได้รับจากการนำข้อมูลมาใช้ในการทำการตลาด

เมื่อคุณมี Data อยู่ในมือ โดยเฉพาะ First Party Data จะทำให้คุณรู้จักและเข้าใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร อะไรที่ทำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการ นั่นหมายความว่า คุณจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่ลูกค้ามีได้อย่างตรงจุดที่ลูกค้าต้องการ เข้าถึงได้อย่างถูกที่ ถูกเวลา โอกาสในการได้ลูกค้ามีเพิ่มขึ้น และสามารถจับลูกค้าที่มีอยู่ในมือไม่ให้หลุดออกไปได้อีกด้วย

ก่อนหน้าที่เคยทำการตลาดแบบเก่า ๆ ที่ต้องมานั่งคิดว่า จะทำการตลาดช่องทางไหนดี หรือ เสิร์ฟโฆษณาไปยังช่องทางไหนดี จะทำแคมเปญในแต่ละเดือนก็ต้องมานั่งคิด เหมือนเป็นการโยนไป ได้ผลลัพธ์ดีก็ดี แต่ถ้าไม่ ก็เปลี่ยนช่องทางใหม่ แต่ถ้าแบรนด์มี Data อยู่ในมือ รู้ว่าลูกค้าช่องทางไหน ที่ให้ผลตอบรับดีกับแบรนด์ ช่องทางไหนที่ประหยัดงบประมาณ และช่องทางไหนที่ควรปรับปรุง จะทำให้สามารถตัดสินใจวางแผนการตลาดได้อย่างชัดเจนและดียิ่งขึ้น ไม่เสียเวลาในการโยนหินถามทาง

เมื่อเรารู้จักลูกค้า เข้าใจลูกค้า มี Data ที่บอกได้ว่าช่องทางไหนที่ได้การตอบรับจากลูกค้าดีที่สุด ก็สามารถสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดความสนใจและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ให้ความสำคัญกับการเสิร์ฟข้อมูลไปในช่วงเวลาที่ใช่ที่สุด และลูกค้ากลุ่มเป้าหมายก็ตัดสินใจใช้บริการของแบรนด์ได้ทันที

การนำ Data มาใช้ในการทำการตลาดออนไลน์ ทำให้คุณเห็นภาพรวมในการทำงานมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะตรงตามเป้าหมาย แถมยังสามารถวัดผล ROI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ในปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายมีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะสื่อต่าง ๆ มีทั้งช่องทาง Online และ Offline นักการตลาดสามารถนำ Data ที่ได้เหล่านี้ ไปวิเคราะห์ เพื่อหาช่องว่างและทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายในทุก ๆ ช่องทางให้ได้เหมือนกันหมด เพื่อไม่ให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลุดไปสักช่องทาง ปรับรูปแบบให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

สรุป

จากทั้งหมดที่กล่าวไปนั้น ทำให้เห็นว่า ยิ่งถ้าแบรนด์รู้จักกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง จะสามารถวางแผนการตลาดออกมาได้ตรงกลุ่มเป้าหมายและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น แถม Data Driven Marketing ยังช่วยยกระดับ ROI ของแบรนด์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ ผลตอบแทนที่ได้เพิ่มขึ้น หลีกเลี่ยงและป้องกันความเสี่ยงที่จะทำให้ผลตอบแทนต่ำที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ยิ่งถ้าเกิดแบรนด์ของคุณมีการทำ Remarketing ด้วยแล้วละก็ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่คุณมีข้อมูลอยู่ มีโอกาสที่จะกลับมาใช้บริการของคุณอีกครั้งอย่างแน่นอน