การทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน นอกจากจะต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับขั้นตอนการวางแผน และลงมือทำแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการทำการตลาดออนไลน์ก็คือ การวัดผลนั่นเอง เพราะการวัดผลจะช่วยให้เราสามารถวางแผนพัฒนาการตลาดต่อไปได้ดียิ่งขึ้น ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับเครื่องมือวัดผลสุดสำคัญอย่าง Conversion Rate ว่าคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร
Conversion Rate คืออะไร
Conversion Rate (CVR) คืออัตราส่วนของผู้ที่ตอบสนองต่อโฆษณา โดยเป็นตัวเลขที่ใช้วัดว่ากลุ่มเป้าหมายทางการตลาดดำเนินตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนกำหนดไว้ เนื่องจากแต่ธุรกิจต่างก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง
ประเภทของ Conversion Rate
Conversion Rate จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท เพื่อนำไปใช้ในการวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละประเภทก็จะมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
Marco Conversion
Macro Conversion เป็นเป้าหมายหลักของแคมเปญที่เกี่ยวข้องกับการสร้างรายได้โดยตรง จึงเป็น Conversion ที่เราจะต้องให้ความสำคัญมากที่สุด เช่น เว็บไซต์ขายสินค้าความงาม มีเป้าหมายสูงสุดคือการสั่งซื้อ หรือสามารถใช้เป้าหมายอื่น ๆ ได้ เช่น การลงทะเบียนเพื่อรับสินค้าขนาดทดลอง ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ส่งผลให้เกิดการสร้างรายได้นั่นเอง
Micro Conversion
Micro Conversion เป็นเหมือนเป้าหมายเริ่มต้นของธุรกิจที่จะนำไปสู่ Marcro Conversion หรือก็คือการกระทำที่จะส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายกลายเป็นลูกค้าในอนาคต เช่น การขายของออนไลน์ ผู้ที่เข้ามาในเว็บไซต์ของเราอาจจะยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อของในทันที แต่เลือกที่จะกรอกอีเมล เพื่อแลกกับการได้รับส่วนลดพิเศษจากทางแบรนด์ก่อน เป็นต้น
แน่นอนว่าการวัดผลแบบ Micro Conversion นั้น จะทำให้เราสามารถมองเห็นถึงรายละเอียด หรือว่าพฤติกรรมที่เข้ามายังเว็บของเราได้มากขึ้น ซึ่งก็จะช่วยให้แผนการตลาดออนไลน์ของเราสามารถพัฒนา เพื่อต่อยอดนำไปสู่ตัวเลขที่ดีขึ้นของ Macro Conversion ต่อไปได้นั่นเอง
วิธีคิด Conversion Rate
สำหรับวิธีการคำนวณเพื่อหาค่า Conversion Rate คือเราจะใช้ (จำนวนการสั่งซื้อสินค้า/จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด) x 100 ยกตัวอย่างเช่น มีคนซื้อสินค้า 100 คน มีคนเข้าหน้าเว็บไซต์นั้นทั้งหมด 1000 คน Conversion Rate ก็จะเป็น 10% หรืออีกตัวอย่างคือ เช่น มีคนเข้าร้าน 500 คน ซื้อสินค้า 200 คน CVR = (200×100/500) = 40% เป็นต้น
ประโยชน์ของ Conversion Rate
Conversion Rate นอกจากจะช่วยให้เรารู้ว่าควรวางแผนการตลาดในอนาคตอย่างไรแล้ว Conversion Rate ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายที่นักการตลาดไม่ควรมองข้ามอีกด้วย
รู้จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
Conversion Rate จะทำให้เรารู้ถึงเส้นทางของผู้ใช้งานเมื่อได้เข้ามาในเว็บไซต์ ทั้งยังช่วยบ่งบอกถึงความสนใจของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสินค้า หรือบริการ ซึ่งจะทำให้เราได้รู้ว่ามีคนสนใจสินค้ากี่คน ตัดสินใจซื้อ หรือลงชื่อทั้งหมดกี่คน และยังช่วยให้เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ในเชิงการตลาด เพื่อปรับปรุงแผน และหน้าเว็บไซต์ต่อไปในอนาคตได้นั่นเอง
บริหารงบประมาณการตลาดได้ผลประโยชน์มากขึ้น
การทำ Conversion Rate จะช่วยให้เราสามารถบริหารงบประมาณที่ใช้ในการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเราสามารถกำหนดวงเงินที่เหมาะสมสำหรับแคมเปญโฆษณาแต่ละรายการได้ โดยการพิจารณาอัตรา Conversion Rate และผลตอบแทนที่เราคาดหวังนั่นเอง
นอกจากนั้นการทำ Conversion Rate ยังส่งผลต่อกำไรของเราอีกด้วย เพราะถ้าเราสามารถจัดการงบประมาณทางการตลาดได้เป็นอย่างดี และสามารถเพิ่มอัตรา Conversion Rate ได้ ก็จะทำให้เรามีโอกาสที่จะทำรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการโฆษณาอีกนั่นเอง
วัดประสิทธิภาพของธุรกิจว่าได้กำไรหรือไม่
การทำ Conversion Rate เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถวัดประสิทธิภาพของธุรกิจว่าได้กำไรหรือไม่ ซึ่งธุรกิจส่วนใหญ่จะวัดผลจากการสั่งซื้อ โดยการวัด Conversion จะเป็นตัวเลขที่บอกถึงจำนวนของผู้ใช้งานที่สนใจสินค้า และได้มีการตัดสินใจซื้อหรือไม่ ขายได้เป็นจำนวนเท่าไหร่ เมื่อหักลบกับต้นทุนแล้วคุ้มหรือไม่นั่นเอง
นอกจากนี้ Conversion Rate จะทำให้เราสามารถวัดได้ว่าแคมเปญโฆษณาของเรามีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน และจะช่วยให้เราสามารถทราบได้ว่าโฆษณาไหนที่ส่งผลดี และโฆษณาไหนที่มีประสิทธิภาพน้อย เพื่อให้เราสามารถปรับปรุง และเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3 เทคนิคเพิ่ม Conversion Rate
การเพิ่มค่า Conversion Rate ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้เยี่ยมชม หรือกลุ่มเป้าหมายกลายเป็นลูกค้าจริง ๆ ได้
ปรับแต่ง Call-to-Action ให้ดึงดูด
Call to Action (CTA) ถือเป็นการบอกกับผู้ใช้งานที่เข้ามาในหน้านั้นว่าต้องทำอะไรต่อไปบ้าง รวมไปถึงการพาผู้ใช้งานไปยังหน้าสินค้า หรือบริการด้วย เพราะฉะนั้น Call to Action ควรออกแบบให้สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน มีข้อความที่กระชับ เข้าใจง่าย และดึงดูดให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
แต่ข้อควรระวังคือการที่หน้านั้นมีการใช้ Call to Action ที่เยอะเกินไปในหน้าเดียว อาจจะทำให้พวกผู้ใช้งานเกิดความสับสนว่าต้องทำอะไรกันแน่ อาจส่งผลให้เราได้ Conversion น้อยลงได้นั่นเอง
ออกแบบเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้น่าใช้งาน
เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ดีขึ้น ในทุกขั้นตอนของการจัดหน้าเว็บไซต์ให้น่าใช้งานทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การออกแบบเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้มีการใช้งานง่ายและมีความน่าสนใจ เช่น การจัดเนื้อหาหรือโครงสร้างเว็บไซต์ให้ดูเป็นหมวดหมู่ ตัวหนังสืออ่านง่าย สบายตา ข้อความกระชับ ฯลฯ จะช่วยให้ผู้ใช้งานประทับใจและอยู่ในหน้าเว็บไซต์ของเรานานมากขึ้น
นอกจากการออกแบบเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันให้สามารถใช้งานได้ง่ายแล้ว การปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเพจ หรือหน้าแอปพลิเคชัน ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยลดอัตราการออกจากเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันก่อนจะเกิดการซื้อสินค้า ทำให้สามารถเพิ่ม Conversion Rate ของเราได้นั่นเอง
การทำ A/B Testing
การทำ A/B Testing เป็นการทดสอบว่าองค์ประกอบอะไร หรือรูปแบบไหน ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดประสบการณ์ที่ดี จนนำไปสู่การดำเนินตามวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่ตั้งเป้าไว้ได้ เช่น ปริมาณการเข้าชมจำนวนมาก เว็บไซต์สามารถจัดการไหวไหม หรือแม้กระทั่งการวาง Layout ของหน้าเว็บไซต์ว่าเหมาะสมต่อพฤติกรรมของผู้เข้าชมหรือไม่
จะเห็นได้ว่าเทคนิคต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่ม Conversion Rate นั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเป็นหลัก ยิ่งถ้าเราปรับปรุง พัฒนาเว็บไซต์ให้น่าใช้งานมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้ผู้ใช้งานประทับใจ และอยู่กับเว็บไซต์เรานานขึ้นเท่านั้น
แนะนำอ่าน : เคล็ดลับการเพิ่ม Conversion Rate ในธุรกิจออนไลน์
ตัวอย่างการนำ Conversion Rate ไปใช้ในการทำโฆษณา
Conversion Rate ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญที่แบรนด์ระดับโลกต่างนำมาใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และเพื่อให้สามารถปรับปรุงการตลาดในอนาคตได้นั่นเอง
HubSpot Academy
Ref Photo : academy.hubspot.com
HubSpot Academy เป็นหนึ่งแบรนด์ที่จะช่วยให้ทุกคนเห็นภาพได้ชัดขึ้น เพราะทุกเว็บไซต์จะมีหน้า Homepage ของตัวเองที่จะต้องใช้ภาพ Hero Image เพื่อดึงดูดความสนใจ หรือกระตุ้นความต้องการซื้อของลูกค้า โดยในตอนแรกนั้น HubSpot จะมีวิดิโออยู่ที่ Hero Banner แต่อย่างไรก็ตามถึงจะมีมากกว่า 55,000 PageViews แต่มีผู้ใช้่งานเพียงแค่ 0.9% เท่านั้นที่ดูวิดิโอในหน้าแรก
ดังนั้นทางทีมงานจึงคิดว่าหากเรามีการสื่อสารที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากกว่า จึงเป็นเหตุผลให้ทางทีมงานตัดสินใจทำ A/B Testing กับรูปภาพที่มีความโดดเด่น ซึ่งเมื่อมีการปรับปรุงเสร็จ ทำให้ HubSpot สามารถเพิ่มยอดการสมัครสมาชิกมากกว่า 375 คนต่อเดือนเลยทีเดียว
สรุป
การทำ Conversion Rate มีผลต่อการปรับปรุง และเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา เพราะสามารถช่วยเพิ่มกำไร และความสำเร็จของธุรกิจในโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การที่จะทำวิธีนี้ได้ผลก็ต้องเริ่มต้นจากการตั้งวัตถุประสงค์ที่ถูกต้อง รู้ว่าธุรกิจควรทำอะไร ที่มาของรายได้จะมาจากไหนได้บ้าง เพื่อให้การทำ Conversion Rate มีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง