SEO Audit เทคนิคที่ช่วยปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น

SEO Audit เทคนิคที่ช่วยปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

การตลาดในปัจจุบันนี้ มีการแข่งขันสูงกว่าที่เคย ทำให้เราต้องคอยปรับและพัฒนากลยุทธ์ให้ดีกว่าคู่แข่งในทุก ๆ วัน ไม่ใช่แค่เรื่องของกลยุทธ์ แต่ก็ยังรวมถึงเรื่อง SEO อีกด้วย เพราะทุกวันนี้ช่องทางหลักที่คนใช้ค้นหาข้อมูล หรือหาธุรกิจที่ตอบโจทย์ ก็ยังเป็นช่องทาง Google

ถ้าอยากให้เว็บไซต์ของเรา หาเจอได้ง่าย ๆ อยู่ในหน้าแรก ติดอันดับต้น ๆ ของ Google ก็ต้องมีการทำ SEO กันอย่างหนักหน่วงหน่อย แต่พอทำไปแล้ว ก็ต้องมีการทำ SEO Audit ตามในภายหลัง เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของเรายังคงอันดับอยู่ และขึ้นไปอันดับที่สูงกว่าเดิมได้

SEO Audit คืออะไร

SEO Audit เป็นการตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณว่ายังมีประสิทธิภาพ ถูกต้องไปตามหลัก SEO แล้วหรือยัง ? ด้วยการค้นหาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อการจัดอันดับ และคอยปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ช่วยทำให้เรารู้ได้ว่า จุดไหนคือจุดที่ดีอยู่แล้ว จุดไหนที่ควรปรับปรุง และจุดไหนควรพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไปอีก

การทำ SEO Audit สามารถทำได้ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน อาจจะเป็นการมอนิเตอร์หลังบ้านเพื่อดูข้อมูลและความเปลี่ยนแปลง ดูภาพรวมของเว็บไซต์และเลือกที่จะแก้ไขเพียงบางคอนเทนต์ หรือนำคอนเทนต์ที่มีปัญหาเรื่องของ Traffic มา Revise อีกครั้ง เพื่อให้ Traffic ดีขึ้นได้เช่นกัน

ทำไมต้องทำ SEO Audit

เพราะการทำ SEO Audit จะช่วยแก้ปัญหาที่ทำให้อันดับของเว็บไซต์ที่เราดูแลอยู่นั้นตกลงมา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น

  • คอนเทนต์ยังมีเนื้อหาเก่า ไม่อัปเดต
  • มีคู่แข่งเพิ่มขึ้น และอาจทำคอนเทนต์ที่ดีกว่ามาแซง
  • คอนเทนต์ดี แต่หลักในทำการทำ SEO ไม่พอ ที่ Google ต้องการ
  • อยากอัปเดต Keyword ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ จำเป็นต้องคอยดูแลและปรับเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเกิดทำทิ้งไว้แล้วปล่อยไป มีโอกาสที่อันดับจะตกสูงกว่าปกติ ทั้งนี้การทำ SEO Audit ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะทำเว็บไซต์มีอันดับบน Search Engine ได้ดียิ่งขึ้น

SEO Audit มีกี่วิธี สามารถทำได้อย่างไรบ้าง

SEO Audit มีกี่วิธี ทำได้อย่างไรบ้าง

การทำ SEO Audit มีแนวทางหลัก ๆ ในการทำ 6 วิธีด้วยกัน 

เว็บไซต์ จะต้องมี URL ของโดเมนแค่เวอร์ชันเดียว

รู้ไหมว่าการมี URL ของโดเมนหลาย ๆ เวอร์ชัน ไม่ได้ส่งผลดีต่อเว็บไซต์เลย เพราะ Google จะ Index เว็บไซต์มาในหลาย ๆ เวอร์ชันและนับสถิติต่าง ๆ แยกออกจากกัน ต่อให้เป็นเว็บไซต์เดียวกัน ดังนั้น เราควรเลือกว่า URL รูปแบบไหน จะเป็น URL หลักของเว็บไซต์ และทำการ Redirect URL ทั้งหมด ให้มายัง URL หลัก เพื่อให้ปลายทาง ไปถึง URL เวอร์ชันหลักเพียง URL เดียว

ควรทำ Mobile-Friendly

เว็บไซต์ที่ดีในปัจจุบัน จำเป็นต้องใช้งานและรองรับได้ทุกอุปกรณ์ เพราะผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะไม่ได้เข้าเว็บไซต์ผ่าน Desktop เพียงช่องทางเดียวอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับหน้าเว็บในอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย สามารถเช็กเพิ่มเติมได้ว่า เว็บไซต์ของเราผ่านเกณฑ์ Mobile-Friendly แล้วหรือยังได้ที่ Google’s Mobile-Friendly Testing Tool

เช็ก Page Speed เว็บไซต์

Page Speed เว็บไซต์ก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยหลักที่มีผลต่อการทำ SEO ลองสมมติว่าถ้าเราเข้าเว็บไซต์หนึ่ง และหน้าเว็บไซต์โหลดช้า นานกว่า 5 วินาที เราก็อยากจะปิดหน้าเว็บไซต์ทิ้งไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นผลกระทบต่อผู้ใช้งานเหมือนกัน วิธีในการตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของเรา Page Speed ดีแล้วหรือยัง ให้เข้าไปเช็กได้ที่ PageSpeed Insights

เช็ก Core Web Vitals

Core Web Vitals เป็นเมตริกที่วัดประสิทธิภาพด้าน UX ซึ่งเป็นจุดที่มีผลต่อการจัดอันดับ SEO เช่นกัน โดยตัวนี้ สามารถเข้าตรวจเช็กได้ที่ Google Search Console แล้วเลือก Core Web Vitals เพื่อตรวจดูว่า URL ตัวไหนที่ดีหรือไม่ดี เพราะ URL บนเว็บไซต์จะต้องมีตัวที่ดีให้ได้มากที่สุด

ไม่ควรหน้า 404 Page Not Found

เว็บไซต์ที่ดีไม่ควรมีหน้า 404 Not Found โดยเฉพาะหน้าที่เคยติดอันดับแรก ๆ ของ Google ซึ่งเราสามารถค้นหาหน้าที่มี 404 Not Found ได้ที่ Google Search Console ถ้าเจอ แนะนำให้จัดการทำ Redirect ทันที

เช็ก On-Page SEO

On-Page SEO คือ การทำ SEO บนหน้าเว็บไซต์ให้ตรงกับเกณฑ์ที่ Google กำหนดไว้ ซึ่งมีรายละเอียดเยอะมากเช่นกัน แต่ถ้าทำแล้วมีโอกาสที่เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับสูงได้ ซึ่งจุดหลัก ๆ ที่ต้องมีบน On-Page มีดังนี้

  • Page Tile
  • Meta Description
  • URL Friendly
  • Image Alt Text
  • Keyword บน H1
  • Keyword บนหน้าเว็บไซต์

โดยจุดหลัก ๆ เหล่านี้ จำเป็นต้องไล่เช็กแต่ละ On-Page เพื่อทำ SEO Audit ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนะนำอ่านต่อ : เจาะลึก E-E-A-T เกณฑ์ประเมินคุณภาพ ที่ Google เลือกใช้

3 เครื่องมือที่ใช้ในการทำ SEO Audit

3 เครื่องมือที่ใช้ในการทำ SEO Audit​

การทำ SEO Audit ต้องใช้เครื่องมือเข้ามาช่วยประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น และนี่คือ 3 เครื่องมือที่นิยมใช้

Google Search Console

- 1 - SEO Audit เทคนิคที่ช่วยปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น

เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบคุณภาพและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ โดยจะโชว์ข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งในเรื่องของ URL ที่ผิดพลาด, หน้า 404, Keyword ที่ควรใช้และควรปรับปรุง สามารถดูผ่านเครื่องมือนี้ได้ทันที เป็นเครื่องมือที่เหมาะกับการทำ SEO Audit อย่างมาก

เว็บไซต์เครื่องมือ : Google Search Console

Google Analytics

- 2 - SEO Audit เทคนิคที่ช่วยปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น

Google Analytics คือเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์และเก็บข้อมูลสถิติเว็บไซต์ ทั้งข้อมูลที่เป็นข้อมูล Persona และพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ ช่องทางในการเข้ามาเว็บไซต์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ต่อ สามารถดูและทำ SEO Audit ได้จากข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือนี้

เว็บไซต์เครื่องมือ : Google Analytics

Page Speed Insight

Page Speed Insight

Page Speed Website เครื่องมือที่ช่วยเช็กเรื่องความเร็วของเว็บไซต์ ให้เป็นไปตามที่ Google กำหนด โดยจะมีคะแนนเป็นตัวบ่งบอกว่าคะแนนแค่ไหนดีแล้ว และคะแนนเท่าไหร่ที่ควรปรับปรุง และยังมีไกด์แนะนำด้านล่างหลังจากเช็กแล้วว่า ควรปรับปรุงเรื่องไหนบนเว็บไซต์เพื่อให้คะแนนเพิ่มขึ้นได้

เว็บไซต์เครื่องมือ : Page Speed Website

การใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ได้ดียิ่งขึ้น

เว็บไซต์ไหน ที่ควรทำ SEO Audit

เมื่อเราเริ่มทำ SEO Audit แล้ว ลองประเมินจากลิสต์คร่าว ๆ ด้านล่างก่อนว่า เว็บไซต์ของตัวเองอยู่ในเกณฑ์ที่ควรจะทำ SEO Audit หรือไม่ ซึ่งเว็บไซต์ที่ควรทำ SEO Audit มีดังนี้

  • เว็บไซต์ที่มี Keyword ที่ยากเกินไปสำหรับการค้นหา
  • เว็บไซต์ที่เคยติดอันดับหน้าแรกของ Google แล้วพอเวลาผ่านไป อันดับบน Google ตกลงเรื่อย ๆ
  • เว็บไซต์ที่ทำคอนเทนต์ไปแล้วไม่ติดอันดับ
  • เว็บไซต์ที่คู่แข่งมีประสิทธิภาพมากกว่า
  • เว็บไซต์ที่ UX/UI ยังไม่เหมาะสม
  • เว็บไซต์ที่ Page Speed Website ต่ำเกินเกณฑ์


ถ้าเว็บไซต์ของคุณอยู่ในเกณฑ์เหล่านี้ แนะนำให้ลองทำ SEO Audit บนเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้การทำ SEO สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

สรุป

อย่างที่บอกไปด้านต้น ว่า SEO Audit สามารถทำได้ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน ยิ่งถ้าได้มานั่งมอนิเตอร์บ่อย ๆ จะทำให้เราได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและข้อผิดพลาด อาจกล่าวได้ว่าการทำ SEO Audit และแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นอยู่เสมอจะช่วยทำให้เว็บไซต์ของเรา ขยับอันดับ SEO ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน