5 ขั้นตอนการทำ Conversion Rate Optimization ด้วยเครื่องมือ Martech

แนะนำ 3 เครื่องมือ Martech ที่ใช้ทำ Conversion Rate Optimization
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

ก่อนหน้านี้ ในบทความ conversion rate optimization เพิ่มยอดขายได้อย่างไร ? เราได้รู้กันไปแล้วว่า การทำ Conversion Rate Optimization นั้นทำได้อย่างไร และช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไร แต่ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้ขั้นตอนในการทำ Conversion Rate Optimization ด้วยการใช้เครื่องมือ Martech

5 ขั้นตอนการทำ Conversion Rate Optimization โดยเครื่องมือ Martech

ในการทำ Conversion Rate Optimization จำเป็นต้องมีการวางแผน เลือกกลยุทธ์และเทคนิคในการทำที่เหมาะสม ซึ่งแต่ละเทคนิคนั้น ก็จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของการนำไปใช้ แต่แต่ละขั้นตอนนั้นจะคล้ายๆ กันทั้งหมด โดยเทคนิคในการทำ Conversion Rate Optimization มีดังนี้

เลือกเคสที่ต้องการปรับปรุง

ก่อนเริ่มต้นทำ เราจำเป็นต้องดึงข้อมูล หรือตัวเลขที่ต้องการปรับปรุงขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นให้ตั้ง Goal จากสมมติฐานว่า เราจะปรับปรุงข้อมูลตัวเลขเหล่านั้นได้อย่างไร เป็นการตั้ง Goal เพื่อให้สามารถแก้ไขได้อย่างถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น ลด Average Cost per Click ให้ได้อย่างน้อย 10%, เพิ่ม Engagement ต่อโพสต์ให้ได้อย่างน้อย 5% เป็นต้น

เก็บข้อมูลจากเคสมาวิเคราะห์

เก็บข้อมูลที่ได้มาทั้งหมด มานั่งเทียบและวิเคราะห์ว่า ทำไมตัวเลขจากเคสที่นำมาปรับปรุงถึงได้มีตัวเลขเพียงเท่านี้ เหตุผลมาจากอะไร โดยสามารถวัดผลได้ 2 แบบคือ

  • Qualitative หรือการวัดผลเชิงคุณภาพ : ผลลัพธ์ที่ได้จากการวัดผลประเภทนี้ เราจะได้เห็นเป็นค่าเฉลี่ย หรืออัตราของงานที่ทำเสร็จตามที่กำหนด
  • Quantitative หรือการวัดผลเชิงปริมาณ : ผลลัพธ์ที่ได้จากการวัดผลประเภทนี้ จะเห็นเป็นตัวเลขชัดเจน เช่น จำนวน Traffic, จำนวน Session, จำนวนคลิก


ซึ่งข้อมูลที่ได้มานี้จะช่วยให้เราเห็นรายละเอียดที่มากขึ้น ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการวางแผนในขั้นตอนถัดไปได้

วางแผนและทดสอบ

เมื่อเราวิเคราะห์ข้อมูลจากเคสที่ควรปรับปรุงแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผนเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นในอนาคต ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้เข้าชมหน้าโปรโมชันบนเว็บไซต์ แต่ไม่พบสินค้าที่กำลังจัดโปรโมชันอยู่ และเพื่อป้องกันไม่ให้หน้าเว็บไซต์ว่างเปล่า ซึ่งอาจส่งผลให้เกิด Bounce Rate สูง และ Conversion Rate ต่ำ ลองแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องขึ้นมาแสดงแทน เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าที่คล้ายกัน

เลือกเครื่องมือ Martech ที่เหมาะสมกับการทำงาน

เลือกเครื่องมือ Martech ที่เหมาะสมกับการทำงาน

เครื่องมือ Martech ในปัจจุบัน ที่จะมาใช้ทำ Conversion Rate Optimization มีเยอะมาก ๆ อาจจะแบ่งไปตามกลุ่ม และตามการทำงาน โดยเครื่องมือ Martech ที่อยากจะแนะนำ มีดังนี้

Google Analytics

Google analytics

Google Analytics เครื่องมือที่ตอบโจทย์การทำงาน ของคนที่ทำงานสาย Data โดยเครื่องมือนี้จะช่วยวัดผลเชิงปริมาณ เราจะเห็นตัวเลขที่ชัดเจนมาก ทั้งยอด Traffic ของคนที่เข้าเว็บไซต์มาทั้งคนที่เป็น Users อยู่แล้ว และคนที่เป็น New users เห็นยอดของ Click to rate และยังดูข้อมูล Personal ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ สัญชาติ รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ทำบนเว็บไซต์ ก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ในการตรวจจับ และดูผลแบบตัวเลขได้ทั้งหมด

Google Ads

Google Ads

Google Ads เครื่องมือที่ช่วยทำโฆษณาผ่าน Google หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือเครื่องมือที่ช่วยยิงโฆษณา โดยทำผ่าน Google ซึ่งรูปแบบการทำโฆษณาที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือการยิงแอด Google Search ซึ่งสามารถดูข้อมูลตัวเลขเชิงปริมาณได้เหมือน Google Analytics เมื่อได้ตัวเลขเหล่านั้นมา ก็สามารถนำมาปรับปรุงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการทำโฆษณาที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้ด้วย แถมเครื่องมือนี้ ยังช่วยให้เราสามารถประเมินเพิ่ม-ลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นกับการทำโฆษณาได้ด้วย

Optimizely

Optimizely

Optimizely เครื่องมือที่ช่วยให้การทำ conversion rate ถือเป็นเครื่องมือสำหรับการใช้ทดสอบ A/B Testing ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ UX บนเว็บไซต์ และช่วยในการทำ Conversion rate optimization สามารถวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้เพื่อมาวางแผนในการทำงาน ปรับกลยุทธ์ให้เป็นไปตามการใช้งานของผู้ใช้ สามารถติดตั้งได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ ยกตัวอย่างเช่น Google Analytis, Google Ad Words Analytics ของ Adobe เป็นต้น

วัดผล Conversion Rate Optimization

หลังจากที่รวบรวมข้อผิดพลาด และปรับปรุงเคสไปตามแผนที่เราวางไว้แล้ว ก็นำข้อมูลที่ได้จากการวัดผลเหล่านั้น มาวิเคราะห์อีกหนึ่งรอบว่า หลังจากทำ Conversion Rate Optimization ไปแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร และทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างไรบ้าง โดยอาจจะแสดงออกมาให้เป็นรูปแบบ Report เพื่อให้เข้าใจง่าย แต่ถ้าเกิดว่าลองแล้วผลลัพธ์ยังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องนำข้อมูลในส่วนนี้มาวิเคราะห์ใหม่อีกครั้งได้เช่นกัน

สรุป

การทำ Conversion Rate Optimization เป็นงานที่คอยมอนิเตอร์อยู่ตลอดเวลา เพราะข้อมูลมีขึ้นมีลงทุก ๆ วินาที ค่าใช้จ่ายก็ขึ้นลงได้ตามนั้นเหมือนกัน ถ้าอยากได้ Conversion ที่ดี การทำ Conversion Rate Optimization จึงเป็นกลยุทธ์ที่ดีมาก ๆ เช่นกัน ส่วนเครื่องมือที่เลือกมาแนะนำ ต้องขอบอกว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ทั่วไปและใช้ได้ผลที่สุดเท่าที่เคยทำมา ดังนั้นลองเชื่อมต่อกับเว็บไซต์และทดลองใช้งาน คุณก็จะได้ข้อมูลที่ละเอียดและน่าสนใจเพิ่มมาแน่นอน