ในยุคที่เข้าสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ แน่นอนว่าหลายสิ่งหลายอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ส่งผลให้การทำธุรกิจในปัจจุบันมีความซับซ้อน รวมถึงมีความท้าทายใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ธุรกิจจึงต้องตั้งรับให้มั่น ซึ่งหนึ่งสิ่งที่จะทำให้ทุกธุรกิจผ่านพ้นปัญหา รวมถึงพัฒนาไปอีกขั้น นั่นก็คือ Data
ทำไมธุรกิจถึงไม่ควรมองข้าม Data ที่มีอยู่ในมือ
ขั้นตอนแรกสุด ลองสังเกตกันดูว่าธุรกิจของคุณกำลังเจอปัญหาเหล่านี้อยู่หรือเปล่า ?
พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วไม่ว่ายุคสมัยไหน เพราะสภาวะตลาด สังคม หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ชัดเจนที่สุด ธุรกิจที่มองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้เร็ว และตื่นตัวทันทีเพื่อที่จะสร้างกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงทำให้ผ่านพ้นช่วงเวลาของวิกฤตของธุรกิจได้อย่างสบาย ๆ
หนึ่งในนั้นคือการใช้ Data เพื่อติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคแบบ Real-Time ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการซื้อ-ขาย จาก Trend การค้นหาข้อมูลจาก Search Engine ข้อมูลจากเครื่องมือเหล่านี้ทำให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างรวดเร็ว
ผลลัพธ์ธุรกิจไม่ตรงเป้าหมายที่กำหนดไว้
ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดทางธุรกิจ รวมถึงปัจจัยหลักของการเกิดความเปลี่ยนแปลงในตลาด การนำ Data ที่มีอยู่ในมือมาวิเคราะห์เพื่อให้มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น และตรวจสอบข้อมูลได้อย่างชัดเจน และแก้ไขกลยุทธ์ได้อย่างตรงไปตรงมาจากการใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง
มองไม่เห็นกลุ่มลูกค้าตัวจริง
เพราะไม่มีการระบุ Segmentation ที่ชัดเจน ว่าลูกค้ากลุ่มไหนสร้างรายได้ให้กับธุรกิจอย่างแท้จริง จึงทำให้การวางแผนธุรกิจเป็นเหมือนการโยนหินถามทาง เนื่องจากข้อมูลของลูกค้าสามารถระบุกลุ่มที่สร้างกำไรสูงสุดได้ จากการวิเคราะห์ยอดซื้อสินค้า หากเรานำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์เราจะสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับกลุ่มลูกค้านี้ได้
รวมถึงไม่สามารถระบุได้ว่าสินค้าตัวใดควรหยุดหรือไปต่อ จากการไม่ได้วางแผนและวิเคราะห์ข้อมูลที่อ้างอิงจากข้อมูลในแต่ละแง่มุม เช่น ข้อมูลการขาย, การจัดการสินค้า เพื่อนำมาตัดสินใจในการผลิตหรือปรับปรุงสินค้าที่สร้างรายได้ได้จริงและตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าให้ดีขึ้น
หากธุรกิจไหนที่กำลังเผชิญปัญหาเหล่านี้อยู่ แน่นอนว่าต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด เพราะถ้าธุรกิจไม่ปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภคหรือสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ย่อมส่งผลเสียมากกว่าผลดีอย่างแน่นอน
Data ที่ธุรกิจส่วนใหญ่นำมาใช้ในด้านต่าง ๆ
จากที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า Data มีประโยชน์อย่างมากเพราะช่วยให้ธุรกิจพัฒนาไปอีกขั้น รวมถึงเข้าใจลูกค้ามากขึ้น Data นั้นช่วยได้อย่างไร และทำได้จริงไหม ในบรรทัดถัดไปจะกล่าวถึง ธุรกิจประเภทต่าง ๆ ที่มีการนำ Data ในมือมาปรับใช้
ธุรกิจเกี่ยวกับงานขายและการตลาด
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวกับงานขายและการตลาด ยิ่งในปัจจุบันอย่างการทำ Digital Marketing การใช้ Data เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าได้ดี เพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองทั้งในสินค้าและบริการให้กับลูกค้าได้ตรงใจที่สุด
ยกตัวอย่าง Starbucks ที่มีแอปพลิเคชันช่วยให้สามารถทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละราย โดยใช้ข้อมูลที่ได้มาไปทำการตลาดและโฆษณาแบบ Personalization ที่เจาะจงเฉพาะบุคคล เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้รับความรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ รวมถึงสามารถปรับแผนการตลาดในภาพรวมและคิดค้นเมนูใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้
ธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์และสุขภาพ
ธุรกิจการแพทย์และสุขภาพที่มีข้อมูลมหาศาล อาทิ ประวัติการรักษา การใช้ยา รวมถึงโรคที่ได้รับการรักษาเป็นจำนวนมาก การใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อเข้ามาช่วยจัดการข้อมูลในงานต่าง ๆ ได้ดี เช่น เทคโนโลยีการจัดการข้อมูล ที่จะช่วยให้การทำงานถูกจัดการได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- ลดขั้นตอนการซักประวัติและการติดตามข้อมูลด้านสุขภาพ
- เจ้าหน้าที่ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากข้อมูลที่พร้อมใช้งาน
- จัดการระบบการเงิน การบัญชี ได้ง่ายจากข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน
ธุรกิจอุตสาหกรรม
การใช้ Data เข้ามาจัดการในธุรกิจอุตสาหกรรม เช่น จัดการสินค้าคงคลัง, วัตถุดิบ, การขนส่ง ไปจนถึงการเงินและบัญชี ผ่านโปรแกรมการจัดการระบบโรงงาน หรือ ERP (Enterprise Resource Planning) เพื่อช่วยเชื่อมต่อข้อมูลจากแผนกต่าง ๆ ให้ระบบข้อมูลในโรงงานสามารถบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีระบบมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
- สามารถพัฒนาการผลิตจากข้อมูล การนำเข้า, ระยะเวลาที่ใช้, คุณภาพและมาตรฐานของวัตถุดิบ เพื่อมาวิเคราะห์หาสิ่งที่ควรพัฒนาหรือปรับปรุง และมองเห็นข้อมูลที่เพียงพอหากพบปัญหาที่เกิดขึ้น
- การใช้ข้อมูลที่เชื่อมโยงกันในที่เดียว เช่น งานคลัง, ฝ่ายขาย, ฝ่ายตลาด, ฝ่ายจัดซื้อ ซึ่งเมื่อถ้าเรามี Data ก็จะทำให้ระบบรู้ทันทีว่ามีอะไรขาดหรือเกิน รวมถึงบางระบบสามารถแจ้งล่วงหน้าได้อีกด้วย
- ช่วยวางแผนด้านการขนส่งเพื่อลดระยะเวลาและจัดส่งสินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่า Data หรือข้อมูลที่ทุกธุรกิจมีในมือนั้นมีความสำคัญและควรนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะถ้าเราใช้ Data เป็น ย่อมส่งผลให้การทำธุรกิจในปัจจุบันมีความง่ายมากยิ่งขึ้น และพัฒนาเหนือคู่แข่งไปอีกขั้น
5 วิธีนำ Data มาปรับใช้ให้ไม่หลุดเทรนด์ในยุคดิจิทัล
การมีข้อมูลในมือ แต่นำมาปรับใช้ไม่เป็นถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ในบรรทัดถัดไปจะขอพาไปดู 5 วิธีการนำ Data มาปรับใช้ในธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วางแผนและกำหนดแนวทางให้ชัดเจนกับการใช้ Data
การเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวางแผนและกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่าต้องการนำ Data มาใช้เพื่ออะไร และต้องรู้ว่าธุรกิจต้องการรู้อะไรบ้าง ซึ่งอาจจะกำหนดจากเป้าหมายธุรกิจหรือเป้าหมายการตลาด เช่น ต้องการเพิ่มยอดขาย หรือ ต้องการขยายตลาดหรือสาขาทั่วประเทศ
วิธีที่จะใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
เลือกวิธีที่จะวิเคราะห์ข้อมูลหลังจากทำความเข้าใจข้อมูลเรียบร้อยแล้ว รวมถึงเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ด้วย อาจจะเริ่มจากการตั้งคำถามก่อนว่า ข้อมูลที่ต้องการมีอะไรบ้าง จากแหล่งใดและเป็นข้อมูลประเภทไหน และจะได้ข้อมูลมาด้วยวิธีใด
หาซอฟต์แวร์ที่เข้ามาช่วยจัดการข้อมูล
การใช้เทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์ที่เข้ากับ Model ธุรกิจเรา รวมถึงการทำงานของธุรกิจด้วย แต่ทั้งหมดนี้ต้องมั่นใจแล้วว่าระบบที่ต้องการใช้สามารถเข้ามาช่วยจัดการข้อมูลที่เราต้องการได้ เพื่อวิเคราะห์และให้คำตอบที่เราต้องการจาก 2 ข้อแรก
ความพร้อมของทรัพยากรคน
โดยเฉพาะทักษะของคนที่ต้องเข้ามามีหน้าที่ควบคุมและกำหนดเป้าหมาย หากต้องการใช้ Data คนคือส่วนหนึ่งในการทำงาน ที่ธุรกิจจะต้องมีการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะเพื่อเข้ามารับผิดชอบหน้าที่ตรงนี้ได้
ความพร้อมในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของการดำเนินงาน
เพราะการทำงานกับข้อมูล (Data) นับเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ ธุรกิจจึงต้องทำความเข้าใจและในขณะเดียวกันคือต้องดำเนินงานไปด้วย เนื่องจากการใช้ข้อมูลจำเป็นต้องมีผู้รับผิดชอบ และสามารถจัดการกับข้อมูลได้จากทักษะของคนที่พร้อมใช้งาน รวมถึงการทำความเข้าใจระหว่างการเปลี่ยนถ่ายข้อมูลระหว่างการดำเนินงานด้วย
การนำ Data มาปรับใช้ให้ไม่หลุดเทรนด์ จำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และใช้เครื่องมือที่เหมาะสม แน่นอนว่าธุรกิจที่สามารถนำ Data มาปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอ
McDonald’s นำ Data ที่มีในมือมาปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ลูกค้าใช้งานได้สะดวกขึ้น
กรณีศึกษา ธุรกิจดังระดับโลกอย่าง Netflix, McDonald’s และ PepsiCo ได้มีการนำ Data มาปรับจนประสบความสำเร็จ
Netflix
Netflix บริการสตรีมมิงระบบสมาชิกรายใหญ่ของโลกที่ใคร ๆ ก็ต้องมี Member ถือเป็นธุรกิจที่นำข้อมูลมาต่อยอด โดยการนำ Data มาวิเคราะห์พฤติกรรม รวมถึงความต้องการเชิงลึกจากการใช้งาน ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับชมภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องต่อไปได้อย่างตรงใจ เพราะการได้ข้อมูลจาก Insight ของผู้ใช้ทำให้เห็นข้อมูลอายุ, แนวภาพยนตร์ที่ชอบ และดำเนินการจัดหาเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่เป็นสมาชิก
McDonald’s
McDonald’s มีการนำ Data มาปรับใช้เช่นเดียวกัน โดยทำการวิเคราะห์และวางแผนจากพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงและสร้างแอปพลิเคชันที่ช่วยดูแลลูกค้าให้สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ง่าย สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
PepsiCo
PepsiCo แบรนด์ที่ใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Supply Chain ซึ่งต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ โดยสามารถเติมสินค้าให้เต็มชั้นวางของร้านค้าปลีกทั้งปริมาณและประเภทของสินค้าได้อย่างเหมาะสม รวมถึงเก็บข้อมูลการขายหน้าร้านให้กับบริษัทเพื่อนำไปวางแผนการผลิตและการจัดส่งได้อย่างแม่นยำ และทำให้ผู้ค้าปลีกได้มั่นใจว่าจะมีสินค้าและปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ
อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า ธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หากมีการนำ Data มาต่อยอดและปรับใช้ ย่อมส่งผลให้ธุรกิจเราเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของลูกค้า รวมถึงช่วยให้การทำงานภายในองค์กรมีความสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคดิจิทัลนี้ การมีข้อมูลในมือและนำมาใช้ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจ เพื่อช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจให้สามารถเป็นผู้นำธุรกิจในด้านนั้น ๆ ได้ และต้องมั่นใจว่าข้อมูลนั้นต้องนำมาใช้งานได้จริงเพื่อพัฒนาและเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้สามารถตอบรับในยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน