ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพนั้น เครื่องมือวัดผลเว็บไซต์ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยให้เราสามารถวางแผนและพัฒนาเว็บไซต์ได้อย่างเหมาะสม หนึ่งในเครื่องมือที่ชาว SEO ต้องมีติดตัว คือ Google Search Console ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการติดตามและปรับปรุงเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับการทำ SEO อย่างเต็มที่ ในบทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกกับ Google Search Console ให้มากยิ่งขึ้น
ทำความรู้จัก Google search console
Google Search Console คือเครื่องมือที่ Google เปิดให้เราสามารถเข้าไปใช้บริการได้ฟรี โดยเราสามารถใช้เครื่องมือนี้ในการตรวจเช็กเว็บไซต์ คุณภาพ และข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ เพื่อให้เราสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหา Error 404 การปรับปรุงการใช้งานเว็บไซต์บนมือถือ การตรวจสอบการใช้คีย์เวิร์ด รวมถึงการวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ Google Search Console จะช่วยให้คุณติดตาม และวัดผลลัพธ์เหล่านี้ได้ เพื่อนำไปพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5 ประโยชน์ที่สำคัญของ Google Search Console ในการทำ SEO
เครื่องมือฟรีจาก Google ชิ้นนี้ เรียกได้ว่ามีประโยชน์กับชาว SEO มากมาย ซึ่งหลัก ๆ แล้วมีประโยชน์ ดังนี้
- อัลกอริทึมของ Google เข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น เพราะมีการจัดทำดัชนีบ่อย Google จะมองว่าเว็บไซต์มีคุณภาพ และเพิ่มโอกาสในการติดหน้าแรกของ Google ได้มากขึ้นด้วย
- ใช้ Google Search Console ในการช่วยให้ Bot ของ Google เข้ามาตรวจเช็กเว็บไซต์ได้ไวขึ้น หลังจากที่อัปเดตคอนเทนต์ใหม่ ๆ เข้าไป
- ใช้ตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์ และสามารถตรวจเช็ก Keyword รวมถึงลิงก์เว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานคลิกเข้ามายังเว็บไซต์
- แจ้งปัญหาของเว็บไซต์ เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น เช่น มีหน้าที่มี Error 404 เป็นต้น
- ตรวจสอบประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้ในทุก ๆ ด้าน
Google Search Console มีประโยชน์มากมายสำหรับคนทำ SEO ซึ่งผู้ใช้งานสามารถนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้อย่างเต็มที่ มาดูกันว่ามีฟีเจอร์อะไรบ้างที่ช่วยให้การทำ SEO ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รวมฟีเจอร์เด็ดใน Google Search Console
ในพาร์ทนี้จะพาทุกคนไปดูฟีเจอร์เด็ดของ Google Search Console ที่จะพาไปดูการอ่านเมตริกแต่ละหัวข้อ เพื่อช่วยให้เราปรับปรุง SEO เว็บไซต์ และลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์กัน
Performance
Performance Dashboard เป็นการรายงานประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ โดยจะแสดงข้อมูลให้เราได้เห็นหลาย ๆ อย่าง รวมถึงปริมาณของคนที่เข้าชมเว็บไซต์ และนี่คือตัวอย่างของการแสดงผล
- Click : จำนวนที่คลิกเข้ามาเว็บไซต์แบบ Organic ล้วน ๆ
- Impression : จำนวนที่เว็บไซต์ได้แสดงบนหน้าการค้นหา
- Keyword : คำที่ผู้ใช้งานค้นหาแล้วคลิกเข้ามาบนเว็บไซต์
- AVG. CTR : เป็นค่าการคลิกต่อจำนวนการมองเห็น บอกได้ว่าคอนเทนต์ของเราน่าคลิกแค่ไหน เมื่อมีคนค้นหาเจอบน Google
- AVG. Position : เป็นค่าเฉลี่ยของตำแหน่งที่เว็บไซต์แสดงผลบน Google
โดยตัวรายงานนี้ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์และวางแผนการทำ SEO กำหนด Keyword พร้อมปรับปรุงเว็บไซต์ เพื่อให้อันดับของ Keyword หรืออันดับของหน้าเว็บไซต์นั้นสูงขึ้น
URL Inspection
URL Inspection เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับตรวจสอบ URL ว่า Google ได้มีการเก็บข้อมูลไปแล้วหรือยัง หรือ URL นั้น ๆ มีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง Google Search Console ก็จะแจ้งให้ทราบ พร้อมแนะนำวิธีในการแก้ไขให้ด้วย
Index
ในส่วนของ Index มีเครื่องมือที่ใช้บ่อย ๆ 2 เครื่องมือ คือ
- Coverage : เราสามารถดูข้อผิดพลาดในหน้าเว็บไซต์ที่ถูกจัดทำดัชนีไปแล้ว ซึ่งถ้ามีความผิดปกติ Google Search Console ก็จะมีการแจ้งเตือน ซึ่งความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เช่น Server errors (5xx) ที่เป็นปัญหาว่า Bot ของ Google ไม่สามารถเข้าถึง Server ได้ หรือ Redirect error ปัญหาที่เกิดจากการทำ Redirect เป็นต้น
- Sitemap : ส่วนนี้คือการเพิ่มแผนผังเว็บไซต์ หรือ Sitemap โดยเป็นการส่งไปให้ Google ได้รับรู้ว่าเว็บไซต์ของเรามี URL อะไรบ้าง และ Bot ของ Google ก็จะเข้ามาจับและเก็บข้อมูลบนเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
Experience
Experience เป็นการตรวจสอบเมตริกที่ใช้วัดประสบการณ์ใช้งานของเว็บไซต์ โดยจะมีด้วยกัน 3 เกณฑ์ คือ Page Experience, Core Web, Vitals และ Mobile Usability ซึ่งถ้าเกิดเว็บไซต์ของคุณยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด Google Search Console จะแจ้งผลให้คุณแก้ไขในนั้นเลย
หลังจากที่ได้รู้จักทั้งตัว Google Search Console และฟีเจอร์หลัก ๆ ไปแล้ว ว่าดูวิธีในการติดตั้งใช้งาน Google Search Console กัน ว่าติดตั้งได้อย่างไร เพราะการติดตั้งนั้นทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
วิธีติดตั้ง Google Search Console ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
วิธีการติดตั้ง Google Search Console สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. เริ่มแรกให้เข้าไปยังเว็บไซต์ https://search.google.com/search-console/welcome และ Login ด้วยบัญชี Google (ใครยังไม่มีสามารถไปสมัครบัญชี Google ได้ก่อนนะ)
2. เข้ามาถึงหน้านี้ จะต้องเลือกเลือกว่า Property หรือเว็บไซต์ที่ต้องการจะติดตั้ง Google Search Console นั้นเป็นแบบไหน
- Domain : Google Search Console ครอบคลุม Domain ทั้งหมดของเว็บไซต์
- URL prefix : เป็นการเลือกติดตั้งเฉพาะลิงก์ที่ต้องการหรือ Sub Domain
3. เมื่อใส่ URL ที่ต้องการแล้ว จะมีหน้าจอให้ Verify แบบรูปด้านล่าง เพื่อทำการยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์ และติดตั้ง Google Search Console โดยสามารถติดตั้งได้ 2 รูปแบบ คือ
- การติดตั้งโดยใช้ไฟล์ HTML : ติดตั้งโดยการดาวน์โหลดไฟล์ HTML หลังจาก Verify Domain เรียบร้อยแล้ว ให้นำไฟล์มาวางที่ Directory เว็บไซต์ โดยวิธีนี้ เป็นวิธีเฉพาะทาง อาจจะต้องใช้ Developer ในการติดตั้งไฟล์
- ติดตั้งโดยใช้ Plug-in : วิธีนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่รู้เทคนิคเฉพาะทางของไฟล์ต่างๆ บนเว็บไซต์ สามารถใช้ปลั๊กอินเพื่อติดตั้งบนเว็บไซต์ และเลือกคัดลอกโค้ดไปวางใน Google Verification Code บนเว็บไซต์ และกด Verify อีกครั้ง
หากใครที่ไม่ได้รู้เทคนิค หรือโฟลเดอร์ของการเก็บไฟล์โค้ด แนะนำว่า ให้ Developer เป็นคนทำให้ จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้าต้องทำเอง วิธีติดตั้งปลั๊กอินจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทำได้ง่ายไม่กี่ขั้นตอน ก็สามารถใช้งาน Google Search Console ได้ทันที
วิธีใช้งาน Google Search Console ในการทำ SEO
อย่างที่บอกไปว่า Google Search Console นั้น สามารถช่วยให้เราทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ได้หลาย ๆ ด้าน ซึ่งวิธีใช้งาน Google Search Console เพื่อทำ SEO ทำได้หลายวิธี ดังนี้
เช็กภาพรวมของเว็บไซต์ ผ่าน Performance Report
หน้า Performance Report เราจะเห็นภาพรวมของ Performance ทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ โดยผลรวมทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะเป็นแบบ Organic Traffic ค่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Click, Impressions หรือ AVG Position และนำค่าของข้อมูลที่ได้นี้ใช้วางแผนการทำ SEO ต่อไปได้ในอนาคต
เช็กสถานะการแสดงผลบน Google
หลายคนอาจลองค้นหาเว็บไซต์ของตัวเองบน Google แล้วหาไม่เจอ ให้ลองมาเช็กที่ URL Inspection อาจจะขึ้นสถานะว่า URL is not on Google หรืออาจจะขึ้นสถานะอื่น ๆ ที่ไม่ถูกทำดัชนีบน Google ได้
ใช้เปิด Google สามารถนำเว็บไซต์เราขึ้นไปโชว์ได้ไวขึ้น
URL Inspection จะช่วยเปิดให้ Google เข้ามาตรวจเช็กเว็บไซต์ได้ไวขึ้น หลังจากที่มีการปรับหน้าเว็บไซต์หรืออัปเดตคอนเทนต์ใหม่
เช็กว่าเว็บไซต์มี Experience ที่ดีไหม
ใช้เครื่องมือ Page Experience สำหรับเช็กว่าเว็บไซต์ของเรา มี Experience ที่ดีหรือไม่ โดยสามารถเช็กได้ที่ Core web vitals และ Mobile Usabibity ด้วย
หาไอเดียใหม่ ๆ ในการเขียนบทความ
ในหน้า Performance เราจะเห็นว่า keyword ไหน หรือหน้าไหน ที่มีผู้ใช้งานคลิกเข้ามาบ่อยและเยอะ เราก็ามารถหยิบข้อมูลตรงนั้นมาเป็นไอเดียสำหรับบทความใหม่ ๆ ได้
เท่านี้ เราก็ได้เห็นแล้วว่า Google Search Console ช่วยให้ SEO เว็บไซต์ของคุณดีขึ้นได้อย่างไร และอีกอย่าง ถ้าเราคอยตรวจเช็กและมอนิเตอร์ Googe Search Console บ่อย ๆ ก็จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของคุณได้ดีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
สรุป
อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า Google Search Console ถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับเจ้าของเว็บไซต์และนักการตลาดที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ ซึ่งเราสามารถเข้าใช้งานได้ฟรี แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งการใช้ Google Search Console จะช่วยให้เราแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ ทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน และช่วยปรับกลยุทธ์ SEO ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย