4 ขั้นตอนการสร้าง Customer Persona / Framework ให้กับแบรนด์

Customer persona กลยุทธ์ที่ช่วยให้แบรนด์รู้จักลูกค้า
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

การทำธุรกิจในยุคนี้ การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จของแบรนด์ การสร้าง Customer persona เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้คุณสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ และกลยุทธ์การตลาดที่ตรงใจลูกค้าได้อย่างแม่นยำ สำหรับในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงความสำคัญของ Customer persona และวิธีการนำมาใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจของคุณ

Customer Persona คืออะไร

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจ Customer Persona กันก่อนว่าทำไมการรู้จักลูกค้าจึงสำคัญในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อย ๆ การเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าอย่างลึกซึ้งเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ Customer persona จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ได้

Customer Persona คือ ตัวแทนจำลองของลูกค้าในอุดมคติของธุรกิจ ที่สร้างขึ้นจากข้อมูลและการวิจัยเชิงลึก โดยรวบรวมลักษณะทางประชากรศาสตร์ พฤติกรรม ความต้องการ เป้าหมาย และความท้าทายของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อสร้างเป็นภาพตัวแทนที่มีชีวิตชีวาของลูกค้า

Customer Persona ไม่ใช่เพียงแค่ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับลูกค้า แต่เป็นการสร้างตัวละครที่มีความเฉพาะเจาะจง มีบุคลิกภาพ มีเรื่องราว และมีความต้องการที่ชัดเจน ซึ่งช่วยให้ทีมการตลาด ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ และทีมบริการลูกค้าสามารถเข้าใจและเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

การสร้าง Customer Persona ช่วยให้ธุรกิจสามารถ:

  • ออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
  • พัฒนากลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพและตรงกลุ่มเป้าหมาย
  • ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
  • สร้างเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องและน่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมาย


Customer Persona จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยการสร้างตัวแทนที่มีชีวิตชีวาของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง

องค์ประกอบของ Persona มีอะไรบ้าง

ขั้นต่อไปคือการทำความเข้าใจถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ของ Persona ซึ่งจะช่วยให้ภาพรวมของลูกค้าเป็นจริงและละเอียดมากขึ้น

ทั้งนี้องค์ประกอบของ Persona ประกอบไปด้วย:

  • ข้อมูลประชากร (Demographic): เช่น อายุ เพศ การศึกษา อาชีพ รายได้ และสถานที่อยู่อาศัย
  • ข้อมูลจิตวิทยา (Psychographic): เช่น ค่านิยม ความเชื่อ ทัศนคติ และไลฟ์สไตล์
  • พฤติกรรม (Behavioral): เช่น วิธีการซื้อสินค้า การใช้สินค้า และการตัดสินใจในการซื้อ
  • เป้าหมายและปัญหา (Goals and Pain Points): ความต้องการและปัญหาที่ลูกค้าต้องการแก้ไข


เพราะฉะนั้นการเข้าใจองค์ประกอบของ Persona จะช่วยให้การสร้างโปรไฟล์ลูกค้าของคุณมีความละเอียดและสามารถนำไปใช้งานได้จริงในการพัฒนากลยุทธ์การตลาด

Customer Persona vs Customer Segment แตกต่างกันอย่างไร

Customer Persona vs Customer Segment

หลายคนอาจสับสนระหว่าง Customer Persona และ Customer Segment แม้ว่าทั้งสองแนวคิดนี้จะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันอยู่ก็คือ

Customer Persona เป็นการสร้างโปรไฟล์ลูกค้าจำลองที่มีความละเอียดและมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยจะเน้นการรวมข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้าที่มีอยู่จริง ประกอบด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประชากรศาสตร์ (Demographics) ข้อมูลจิตวิทยา (Psychographics) และพฤติกรรม (Behavioral Patterns) รวมถึงเป้าหมาย ความต้องการ และปัญหาที่ลูกค้าอาจเผชิญ ตัวอย่างเช่น

  • Demographics: อายุ เพศ อาชีพ การศึกษา และรายได้
  • Psychographics: ค่านิยม ความเชื่อ ทัศนคติ และไลฟ์สไตล์
  • Behavioral Patterns: พฤติกรรมการซื้อ การใช้สินค้า และช่องทางการติดต่อ


การสร้าง Customer Persona จะช่วยให้ทีมการตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถเข้าใจลูกค้าในเชิงลึก และพัฒนากลยุทธ์ที่ตรงกับความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าได้ดีขึ้น

Customer Segment เป็นการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามลักษณะหรือเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อระบุและจัดกลุ่มลูกค้าที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน การแบ่งกลุ่มนี้อาจทำได้ตามหลายเกณฑ์ เช่น

  • Demographics: อายุ เพศ การศึกษา รายได้
  • Geographics: ตำแหน่งที่ตั้ง หรือภูมิภาคที่อาศัย
  • Behavioral: พฤติกรรมการซื้อ ความถี่ในการซื้อ และการตอบสนองต่อแคมเปญการตลาด


Customer Segment เป็นการมองภาพรวมและจัดกลุ่มลูกค้าให้เป็นกลุ่ม ๆ เพื่อใช้ในการวางแผนการตลาดที่สามารถปรับให้เข้ากับแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสม

สรุปความแตกต่างระหว่าง Customer Persona และ Customer Segment ได้หลัก ๆ ก็คือ

  • ความละเอียดของข้อมูล: Customer Persona มักมีความละเอียดและเฉพาะเจาะจงมากกว่า Customer Segment โดยจะรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้ารายบุคคล ซึ่งช่วยให้สามารถพัฒนากลยุทธ์ที่เจาะจงและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • การใช้งาน: Customer Segment มักใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนการตลาดในระดับกลุ่ม เช่น การเลือกกลุ่มเป้าหมายสำหรับแคมเปญการตลาด ขณะที่ Customer Persona มักใช้ในการสร้างและพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในระดับที่ละเอียดกว่า
  • การสร้างความสัมพันธ์: Customer Persona ช่วยในการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีความหมายกับลูกค้าโดยการทำความเข้าใจลึกซึ้งในพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า ในขณะที่ Customer Segment เน้นการทำความเข้าใจลูกค้าในภาพรวมและการแบ่งกลุ่มเพื่อความสะดวกในการจัดการ


ทั้งนี้การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Customer Persona และ Customer Segment จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด

4 ขั้นตอนการสร้าง Customer Persona / Framework

การสร้าง Customer Persona ที่มีประสิทธิภาพต้องผ่านกระบวนการและใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง ในส่วนนี้เราจะมาดูขั้นตอนและกรอบการทำงานที่จำเป็นในการสร้าง Persona ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องการความละเอียดอ่อนและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้ Persona ที่สร้างขึ้นสามารถใช้งานได้จริงในการพัฒนากลยุทธ์การตลาด

รวบรวมข้อมูล (Data Collection)

การรวบรวมข้อมูลเป็นขั้นตอนแรก และมีความสำคัญที่สุด ข้อมูลที่ใช้สามารถได้มาจากหลายแหล่ง เช่น

  • การสัมภาษณ์ลูกค้า (Interviews): สัมภาษณ์ลูกค้าปัจจุบัน ลูกค้าเป้าหมาย และลูกค้าที่ไม่ได้เลือกผลิตภัณฑ์ของคุณ
  • แบบสำรวจ (Surveys): การทำแบบสำรวจผ่านอีเมล เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดีย
  • การวิเคราะห์ข้อมูลการขาย (Sales Data Analysis): วิเคราะห์ข้อมูลการขายเพื่อหาพฤติกรรมการซื้อ
  • การวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย (Social Media Analysis): ศึกษาพฤติกรรมและความคิดเห็นของลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย

วิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)

หลังจากรวบรวมข้อมูลได้แล้ว จะต้องนำข้อมูลมาแยกแยะและวิเคราะห์เพื่อหาลักษณะร่วมที่สำคัญของลูกค้า รวมถึงพฤติกรรมที่ชัดเจน

  • การระบุลักษณะร่วม (Identify Patterns): หาลักษณะร่วมที่สามารถใช้แบ่งกลุ่มลูกค้าได้ เช่น อายุ อาชีพ ความสนใจ
  • การวิเคราะห์เชิงลึก (Deep Analysis): วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า


สร้างโปรไฟล์ Persona (Create Persona Profile)

นำข้อมูลที่วิเคราะห์มาแล้วมาสร้างโปรไฟล์ Persona ที่มีรายละเอียดและเป็นรูปเป็นร่าง

  • ข้อมูลประชากร (Demographics): เช่น ชื่อ อายุ เพศ การศึกษา อาชีพ และรายได้
  • ข้อมูลจิตวิทยา (Psychographics): เช่น ค่านิยม ความเชื่อ ทัศนคติ และไลฟ์สไตล์
  • พฤติกรรม (Behavioral Patterns): พฤติกรรมการซื้อ การใช้สินค้า และช่องทางการติดต่อ
  • เป้าหมายและปัญหา (Goals and Pain Points): ความต้องการ ปัญหา และความท้าทายที่ลูกค้าเผชิญ


ทดสอบและปรับปรุง (Test and Refine)

หลังจากสร้าง Persona แล้ว ควรนำไปทดสอบกับกลยุทธ์การตลาดและรับฟีดแบ็กเพื่อปรับปรุง

  • การทดสอบ (Testing): ใช้ Persona ในการวางแผนและดำเนินการกลยุทธ์การตลาด เช่น การพัฒนาเนื้อหา การโฆษณา และการสื่อสารกับลูกค้า
  • การปรับปรุง (Refinement): ปรับปรุง Persona ตามผลที่ได้จากการทดสอบและฟีดแบ็กจากทีมการตลาดและลูกค้า


เมื่อเราได้รู้วิธีและขั้นตอนการสร้าง Customer Persona อย่างเป็นระบบก็จะช่วยให้สามารถพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กรณีศึกษา Customer Persona จากบริษัทชั้นนำ

กรณีศึกษา Customer Persona จากบริษัทชั้นนำ

เพื่อให้เข้าใจการใช้งาน Customer Persona ในสถานการณ์จริง เราจะมาดูกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จจากการใช้ Persona ในการทำการตลาด

Starbucks Customer Persona Strategy

Starbucks ใช้กลยุทธ์การสร้าง Customer Persona อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มความพึงพอใจ การรู้จักลูกค้าในเชิงลึกทำให้ Starbucks สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและเพิ่มความภักดีของลูกค้าได้ ตัวอย่างเช่น

starbucks customer journey map

Ref Photo : cdotimes

การใช้ Customer Journey Mapping: Starbucks ได้ใช้การทำแผนที่การเดินทางของลูกค้า (Customer Journey Mapping) เพื่อระบุจุดที่ลูกค้าอาจพบปัญหาและค้นหาโอกาสในการปรับปรุงบริการ การใช้ข้อมูลนี้ทำให้ Starbucks สามารถพัฒนาประสบการณ์การใช้บริการทั้งในร้านและดิจิทัลให้ดียิ่งขึ้น

- 1 - 4 ขั้นตอนการสร้าง Customer Persona / Framework ให้กับแบรนด์

Ref Photo : indigo9digital

การลงทุนในเทคโนโลยีและดิจิทัล: Starbucks ได้ขยายการบริการดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน Starbucks Rewards เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อและรับสินค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบ Siren สำหรับการผลิตกาแฟและเครื่องดื่มเย็นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

- 2 - 4 ขั้นตอนการสร้าง Customer Persona / Framework ให้กับแบรนด์

Ref Photo : starbuckscardth

การใช้โปรแกรมความภักดีของลูกค้า (Loyalty Program): Starbucks Rewards Program เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ CRM ที่สำคัญที่สุด โดยมีสมาชิกที่ใช้งานมากกว่า 20 ล้านคน โปรแกรมนี้ช่วยให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่าได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่าและมีเหตุผลในการกลับมาใช้บริการซ้ำ และยังสร้างความภักดีในระยะยาวอีกด้วย

Nike's Customer Persona Strategy

Nike ใช้กลยุทธ์ Customer Persona เพื่อปรับปรุงการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีและข้อมูลเชิงลึกมาใช้ในการสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้า ตัวอย่างเช่น

Nike customize

Ref Photo : Nike

การใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์: Nike ใช้ข้อมูลจาก NikePlus App เพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า ทำให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจและตอบสนองความต้องการได้ดียิ่งขึ้น เช่น การพัฒนารองเท้า Nike Adapt ที่สามารถปรับขนาดได้ด้วยตัวเองตามความต้องการของผู้สวมใส่

- 3 - 4 ขั้นตอนการสร้าง Customer Persona / Framework ให้กับแบรนด์

Ref Photo : Nike

การใช้แคมเปญการตลาดที่เน้นความเป็นส่วนตัว: Nike ได้ใช้แคมเปญการตลาดที่ปรับให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น แคมเปญ “Just Do It” ที่ใช้เรื่องราวของนักกีฬาที่มีแรงบันดาลใจ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าและเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์

โดยกรณีศึกษาจาก Starbucks และ Nike แสดงให้เห็นว่า Customer Persona เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำการตลาด และสามารถนำมาใช้ได้จริงเพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

สรุป

การสร้าง Customer Persona เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งมากขึ้น โดยไม่เพียงแต่รู้จักตัวลูกค้าในด้านทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเข้าใจพฤติกรรมการซื้อ ความต้องการ และความสนใจที่ลึกซึ้ง

การทำ Customer Persona ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดที่เชื่อมโยงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเหมาะสม